homeaboutusprojectnewsdata


english

 
 
   

   
 
 
 

ท่าเทียบเรือ ...  ที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมมีจริงหรือ

จังหวัดภูเก็ต ไข่มุกเม็ดงามแห่งอันดามัน   สถานที่ท่องเที่ยวเป็นที่รู้จักมีชื่อติดระดับโลก  นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต่างก็แวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชมความงามไม่ขาดสาย  ชาวต่างชาติบางคนชื่นชมในธรรมชาติที่สวยงาม ตัดสินใจโยกย้ายเข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ในภูเก็ตเป็นจำนวนมาก  โดยเฉพาะพื้นที่บริเวณติดชายฝั่งทะเล  ที่มีทัศนียภาพที่สวยงาม    จึงทำให้ที่ดินบริเวณชายฝั่งทะเลมีการก่อสร้าง     บ้านจัดสรร   รีสอร์ท และโรงแรม  เพื่อขายและบริการแก่กลุ่มชาวต่างชาติกระเป๋าหนักนั่นเอง

พื้นที่ที่มีบริเวณติดชายฝั่งทะเลมีความสวยงามอีกแห่งในตำบลป่าคลอก คือ บ้านยามู  หมู่บ้านเล็กๆที่ตั้งอยู่ที่หมู่ 7  ตำบลป่าคลอก  อ.ถลาง  จ.ภูเก็ต   มีลักษณะเป็นแหลมยื่นออกไปในทะเล  จึงทำให้เหมาะกับการก่อสร้างที่พักอาศัย สนองความต้องการของคนที่ชอบมีโลกส่วนตัว  ในบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ  ดังนั้นหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ จึงเต็มไปด้วยนักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติ

ในอดีตที่ดินในหมู่บ้านยามูนั้น เป็นของชาวบ้านที่เข้ามาตั้งรกราก  ต่อมาถูกเปลี่ยนมือจนกลายเป็นพื้นที่ส่วนบุคคลของบริษัทต่างประเทศที่เข้ามากว้านซื้อจนเกือบหมด  ปัจจุบันชาวบ้านยามูดั้งเดิมมีสภาพความเป็นอยู่อย่างแออัด  ท่ามกลางฝุ่นละอองที่เกิดจากการก่อสร้าง  การขุดเจาะ ผ่า ตัดสร้างทางเข้าออกในหมู่บ้านจัดสรรสุดสวย  รีสอร์ทหรู    ผลพวงความเดือร้อนที่ชาวบ้านได้รับอีกประการคือ การปิดกั้นเส้นทางสาธารณะที่ชาวบ้านเคยใช้อยู่เป็นประจำ 

การแข่งขันทางธุรกิจที่มุ่งแต่จะอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวกำลังผุดขึ้นรวดกับดอกเห็ดก็คือ  การสร้างท่าเทียบเรือยอช์ท ในพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่งของประเทศไทย มีความหลากหลายทั้งทรัพยากรธรรมชาติทั้งทางบก  ทางทะเล และทรัพยากรชายฝั่ง     ในขณะที่จังหวัดภูเก็ตมีการก่อสร้างท่าเทียบเรือในหลายพื้นที่ ทั้งท่าเทียบเรืออ่าวปอ ท่าเทียบเรือเกาะมะพร้าว  ท่าเทียบเรือเกาะนาคา  ท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง ล่าสุดที่กำลังรอการอนุมัติจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น   คือโครงการท่าเทียบเรือยามู    สิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้ น่าจะสร้างความพึงพอใจให้กับนักท่องเที่ยว    คงจะมีก็แต่ชาวบ้านที่อาศัยหาอยู่หากินในบริเวณโดยรอบแหลมยามูและอ่าวป่าคลอกกระมัง ที่จะต้องวิตกกังวลกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งต่อวิถีชีวิต สภาพทรัพยากรชายฝั่งทะเล และการลดลงของทรัพยากรธรรมชาติที่เกิดจากการพัฒนาการท่องเที่ยว 

สำหรับแหลมยามูนั้นตั้งอยู่ทางด้านทิศใต้ของอ่าวป่าคลอก  มีแหล่งทรัพยากรที่สำคัญทั้งแหล่งหญ้าทะเล  แหล่งปะการัง ที่เป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำ  เป็นเขตเศรษฐกิจชุมชนที่สำคัญของชาวบ้าน ในการประกอบอาชีพประมงพื้นบ้าน  ได้แก่ การตกเบ็ด ทอดแห  วางอวน  ตกปูดำ   เป็นต้น

บริษัท อันดามัน  เอนไวรอนเมนทอล คอนซัลแตนท์ จำกัด  รับผิดชอบการทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น ให้ข้อมูลต่อคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณาสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นว่า   ในพื้นที่โครงการไม่พบปะการังและทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ เนื่องจากมีลักษณะเป็นดินเลนโคลน  และน้ำมีความขุ่นมาก

จากนั้นเมื่อวันที่ 21  พฤศจิกายน  2549    ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน   เข้าตรวจสอบทรัพยากรชายฝั่ง   ตามรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น    พบว่ารายงานดังกล่าวขัดแย้งกับความจริง  เนื่องจากในบริเวณที่จะทำการก่อสร้างท่าเทียบเรือยามูนั้น  มีแนวปะการัง อยู่ด้านขวาของโครงการก่อสร้างเป็นบริเวณกว้างถึงปลายแหลมยามู และบางส่วนของแนวปะการัง ทางด้านซ้ายของโครงการฯห่างจากโครงการก่อสร้างประมาร 200  เมตร  รวมพื้นที่แนวปะการังทั้งหมดประมาณ  75 ไร่  ปะการังมีชีวิตประมาณ  25 %  ปะการังตาย 60 %   แต่ยังมีความสำคัญในระบบนิเวศวิทยาชายฝั่ง     นอกจากนี้ พบหญ้าทะเล  4 ชนิด  ได้แก่ หญ้าคาทะเล หญ้าใบมะกรูด  หญ้าชะเงาใบมน  และหญ้าชะเงาใบเลื่อย  พื้นที่แนวหญ้าทะเลประมาณ 10  ไร่  เป็นแนวหญ้าทะเลที่ต่อมาจากแนวหญ้าทะเลบ้านป่าคลอก  มีความสมบูรณ์ดีปานกลางตามธรรมชาติ   

สำหรับสถานการณ์ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม  2549    ทางศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ที่ 4  (จังหวัดภูเก็ต) สถานีวิทยุและโทรทัศน์ช่อง 11 ภูเก็ต  ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน  กลุ่มเยาวชนโรงเรียนวีรสตรีอนุสรณ์  ตัวแทนชาวบ้านบ้านป่าคลอก  และมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ ได้ร่วมพบปะพูดคุยฟังความคิดเห็นพร้อมทั้งลงพื้นที่สำรวจในพื้นที่ก่อสร้างท่าเทียบเรือยามู

จากการลงพื้นที่พบว่ามีข้อมูลที่น่าสนใจจากแหล่งข่าว ชาวบ้านบ้านยามู  ทราบว่า  ทางบริษัทที่รับผิดชอบได้นำรถแม็คโคร  และกลุ่มคนงานจำนวนหนึ่ง เข้าถอนหญ้าทะเล และทำลายปะการังที่มีอยู่ในพื้นที่ที่จะทำการก่อสร้างท่าเทียบเรือไปแล้วบางส่วน     แต่ไม่มีนำหลักฐานที่แน่ชัดเพื่อเอาความผิดว่าได้มีการดำเนินการทำลายหญ้าทะเลและปะการังดังกล่าว  หลักฐานที่ได้นำมาจากบริเวณชายหาดบ้านยามู คือเศษหญ้าทะเลจำนวนหนึ่ง ที่มีลักษณะถูกถอนขึ้น เพราะมีราก และลำต้นของหญ้าทะเลติดขึ้นมาด้วย เป็นลักษณะของการดึงถอนโดยฝีมือคนมากกว่าที่จะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ  เพราะโดยทั่วไปหญ้าทะเลที่ถูกกระแสน้ำพัดพาจะมีสภาพใบขาดเท่านั้น  กระแสคลื่นลมถึงขนาดความแรงอย่างคลื่นสึนามิ ก็ไม่สามารถดึงหญ้าทะเลพัดพาแบบถอนรากถอนโคนได้ (ตามภาพ)

นอกจากนี้ผืนทรายในอ่าวป่าคลอกเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง  หลังจากโครงการก่อสร้างได้นำทรายเข้ามาถมบริเวณชายหาดหน้าพื้นที่ก่อสร้าง เพื่อทำหาดเทียม  เมื่อกระแสน้ำพัดพาเอาตะกอนฝุ่นทรายมาที่บริเวณหน้าหาดป่าคลอก  จึงทำให้หน้าทะเลแข็ง  ทำให้เกิดผลกระทบต่อการเติบโตของหญ้าทะเล และปะการังบางส่วนเริ่มตาย         ซึ่งเขตชายฝั่งทะเลเป็นบริเวณที่ถูกกระทบกระเทือนได้ง่าย มีความไวต่อการเปลี่ยนแปลง ส่งผลกระทบต่อความสมดุลทางธรรมชาติได้ง่าย

ปรากฎการณ์ส่วนหนึ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ จะส่งกระทบทั้งต่อวิถีชีวิต  ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในระยะยาว  ดั้งนั้นการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากทรัพยากรต้องไม่มากเกินไป และรวดเร็วเกินไป จนถึงระดับที่ไม่อาจฟื้นฟูได้ทันเวลา  เพราะคนที่จะเดือดร้อนก็คงไม่พ้นลูกหลาน คนรุ่นหลังของเรา


แหลมยามู หมู่ 7  ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต   พื้นที่โดยรอบสร้างสะพานท่าเทียบเรือ

 


ผืนหญ้าทะเลที่สมบูรณ์ 

 
หลักไม้ที่ปักไว้แสดงพื้นที่การก่อสร้างท่าเทียบเรือ

  แนวปะการังในบริเวณสร้างท่าเทียบเรือยามู

 

 
แปลงหญ้าทะเลหลังน้ำลด  แปลงหญ้าทะเลหลังน้ำลด

 
การสำรวจแปลงหญ้าทะเล

  
บริเวณหน้าหาดยามูหลังน้ำลด

 

               

        

      
การก่อสร้าง บ้านจัดสรร รีสอร์ท ในหมู่บ้านยามู หมู่ 7 ต.ป่าคลอก  อ.ถลาง  จ.ภูเก็ต

 

          
การร่วมสำรวจพื้นที่บริเวณหน้าชายหาดบ้านยามู

 
ญ้าทะเลที่คาดว่าจะเกิดจากการลักลอบถอนทำลาย  สังเกตุจากรากและตอของหญ้าทะเล

 
 
องค์การความร่วมมือเพื่อการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติอันดามัน (ARR) 24/28 หมู่ 1 ถนนศักดิเดช  ต.วิชิต อ. เมือง จ.ภูเก็ต 83000  
โทรศัพท์/โทรสาร 076-393458    Email: