วิบากกรรมของนักอนุรักษ์บ้านย่าหมี
ไทยโพสต์ 14 ธันวาคม 2551
หมู่บ้านย่าหมี ต.เกาะยาวใหญ่ อ.เมือง จ.พังงา ได้รับรางวัลชมเชยลูกโลกสีเขียว ประเภทชุมชน เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2545 จากการรวมกลุ่มของชาวบ้านย่าหมีดำเนินกิจกรรมฟื้นฟูและจัดการป่าชายเลนชุมชน จนความอุดมสมบูรณ์กลับคืนมา
ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ชาวบ้านย่าหมี จำนวน 17 ราย ได้รับหมายเรียกผู้ต้องหาจากสถานีตำรวจภูธร อ.เกาะยาว จ.พังงา ด้วยข้อหาร่วมกันบุกรุกหรือเข้าไปทำการใดๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครอง อสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นโดยปกติสุข และร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร (ต้นงวงช้าง)
หมู่บ้านที่เป็นผู้ปกป้องป่ากลายเป็นผู้บุกรุกไปแล้วหรือ?
วิบากกรรมของนักอนุรักษ์กลุ่มนี้ เริ่มต้นเมื่อราวๆ 20 ปีก่อน กระแสการพัฒนากลุ่มจังหวัดอันดามัน พังงา ภูเก็ตและกระบี่พัฒนาไปในทิศทางอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ดังนั้น ที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติจึงเป็นต้นทุนที่สำคัญ ปัญหาที่ตามมาก็คือการเข้ามาเข้ามากว้านซื้อที่ดินทั่วทุกแห่ง 3 จังหวัด อ่าวพังงา พังงา ภูเก็ต และกระบี่ ตั้งแต่กลุ่มทุนท้องถิ่น ทุนระดับชาติและทุนข้ามชาติ เป็นเหตุทำให้นำไปสู่การการบุกรุกครอบครองที่ดินและป่าไม้ของรัฐอย่างครึกโครม และต่อเนื่อง
ในส่วนของ อ.เกาะยาว จ.พังงา ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์อยู่กลางอ่าวพังงา เป็นอำเภอที่ประกอบไปด้วย 2 เกาะ 3 ตำบล คือ เกาะยาวน้อยเป็นที่ต้องของ ต.เกาะยาวน้อย และเกาะยาวใหญ่เป็นที่ตั้งของ ต.เกาะยาวใหญ่และต.พรุในซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของเกาะยาวใหญ่
ซึ่ง อ.เกาะยาวนี้พร้อมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติทั้งทางบกและทะเล จึงเป็นที่หมายตาของกลุ่มนายทุนนักธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายราย
การกว้านซื้อที่ดินเริ่มมาจาก ต.พรุใน อ.เกาะยาวใหญ่ ซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของเกาะยาวใหญ่ กว้านซื้อเรื่อยๆ ขึ้นมาจนถึง ต.เกาะยาวใหญ่ และนำไปออกเอกสารสิทธิ์ทั้งๆ ที่ที่ดินส่วนใหญ่เป็นที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติและมีความลาดชันเกิน 35 องศา ไม่มีเอกสารสิทธิ์ใดๆมาก่อน จนนำไปสู่การแจ้งความดำเนินคดีกับข้าราชการที่เกี่ยวข้องหลายคนในอำเภอเกาะยาวที่ออกเอกสารสิทธิ์ในทางส่อทุจริต
ต่อมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2548 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้เข้ามาดำเนินคดี สืบสวน สอบสวนพบว่า นายทุนต่างชาติมีอิทธิพล และได้รับการยกย่องเป็นกงสุลกิตติมศักดิ์โมร็อกโกประจำประเทศไทยกระทำความผิดในลักษณะ เป็นขบวนการก่อให้เกิดการบุกรุกทำลายป่าและออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ ต่อมาทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ ( DSI) ได้ จับกุมตัวและดำเนินคดีกับกลุ่มนายทุนดังกล่าว (อยู่ในระหว่างการดำเนินคดีของศาลยุติธรรม) และเหตุการณ์ประวัติศาสตร์หน้าสำคัญของชาวบ้านย่าหมี เกิดขึ้นในปีพ.ศ.2550 ได้ทำการตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ที่ดินบริเวณบ้านย่าหมี - อ่าวคลองสน ตำบลเกาะยาวใหญ่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าช่องหลาดและป่าเกาะยาวใหญ่แปลงที่ 1 - 2 ( อยู่ในระหว่างการสืบสวนสอบสวนและพิสูจน์ข้อเท็จจริง ) และยังส่งผลให้ทางคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติโดยอนุกรรมการสิทธิในการจัดการที่ดินและป่า สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้ดำเนินการลงมาร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริง และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานที่ดินจังหวัดพังงา สำนักงานจังหวัดพังงา กรมป่าไม้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันแก้ไขปัญหา และป้องกันการบุกรุกทำลายป่าไม้ ป่าสงวนแห่งชาติ แต่ก็เรื่องก็ยัง เงียบ ไม่มีความคืบหน้าและความเคลื่อนไหวใดๆ
ไม่มีแม้แต่คำสั่งจากหน่วยงานที่ดูแลป่าสงวนแห่งชาติว่าให้บริษัทร่วมทุนต่างชาตินั้นหยุดดำเนินการถางไถป่า ในพื้นที่ที่สงสัยว่าจะเป็นเขตป่าสงวนแหล่งชาติ
ชุมชนไม่ได้ปฏิเสธการพัฒนา ขอแต่เพียงเป็นการพัฒนาที่วิถีชีวิต วัฒนธรรมดั้งเดิมยังคงอยู่ การที่ชุมชนออกมาร่วมกันต่อสู้เพียงเพื่อให้ทรัพยากรและสิทธิชุมชนกลับคืนมาเท่านั้น แต่ทำไม ? พวกโกงกินทรัพยากร โกงกินวิถีชีวิตชุมชน กลับคิดว่าชุมชนขัดขวางความเจริญ ชาวบ้านย่าหมีจะมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม เพราะพื้นที่ป่าสงวนนั้นเป็นของประชาชนทุกคน แต่กลับถูกแย่งชิงเป็นของกลุ่มนายทุนต่างชาติ จะขอปกป้องผืนแผ่นดินให้ถึงที่สุด เพื่อให้สมบัตินี้ลูกหลานของเราจะได้ใช้ประโยชน์ต่อไป
นายสมนึก ชำนินา หนึ่งแกนนำเยาวชนบ้านย่าหมีและเป็น 1 ใน 17 คนที่ถูกกฟ้องศาลข้อหาร่วมกันบุกรุกหรือเข้าไปทำการใดๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครอง อสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นโดยปกติสุข และร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร
ระยะเวลาเกือบปีที่ผ่านมา ชาวบ้านทั้ง 17 คน ที่ถูกฟ้องศาลว่าเป็นผู้บุกรุกนั้นต้องเดินทางไปสถานีตำรวจภูธรอำเภอเกาะยาว สำนักงานอัยการจังหวัดกันเป็นว่าเล่น อีกทั้งต้องเตรียมหาเงินสำหรับประกันตัวเป็นจำนวนหลักหมื่น หรืออาจจะถึงหลักแสน
ในขณะที่คู่กรณีเซ็นต์เช็คเงินสดใบเดียวก็สามารถเนรมิตทุกสิ่งได้ตามที่ต้องการ
เงิน แสน ของชาวบ้าน ถือว่าเป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อยเลย
ต้องจัดงานเวทีสาธารณะ ภายในงานประกอบด้วยการเสวนา การอภิปรายและการเลี้ยงน้ำชาเพื่อระดมทุนจากเพื่อนพ้องน้องพี่จัดตั้งกองทุนพิทักษ์สิทธิชุมชน อ่าวพังงา ใช้ในการประกันตัวและต่อสู้คดีจากความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้น เพื่อนำเป็นกองทุนในการต่อสู้คดี เวทีสารธารณะงานนี้ถือว่าเป็นการประสานความร่วมมือจากหน่วยงานจากภาครัฐและเอกชนหลายภาคส่วน เช่น คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ มูลนิธิเอเชีย เครือข่ายความร่วมมือฟื้นฟูชุมชนชายฝั่งอันดามัน (SAN) มูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โครงการผู้หญิงกับการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ (เอคชั่นเอช ) เป็นต้น
หากสังเกตให้ดีจะพบว่างานเวทีสารธารณะ จิบน้ำชา หาทุนสู้คดี นี้ ไม่มีหน่วยงานในระดับท้องถิ่น เข้าร่วมงานเลยแม้แต่คนเดียว จะมีก็แต่หน่วยงานที่อยู่ไกลเข้ามาร่วมคิดและฝ่าวิกฤตทางตันด้วยกัน
คนอื่นเห็นพวกเราสู้ก็คิดว่าพวกเราโง่ที่ปฏิเสธการพัฒนาบางกลุ่มก็ว่าพวกเราสู้เพราะอยากได้ป่ามาทำสวนยางพารา แต่ความจริงแล้วคนย่าหมีคิดเพียงว่า สู้เพื่อเอาป่ามาเป็นของส่วนรวมของทุกคนในชาติให้ทุกคนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน
ป๊ะหรม หรือนายหรม หยั่งทะเล คือชื่อตามทะเบียนราษฎร์กล่าวระบายความอัดอั้นที่ถูกกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ผู้เขียน สุจารี ไชยบุญ
องค์การความร่วมมือเพื่อการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติอันดามัน |