หมูน้ำกำลังจะสูญพันธ์ุ
กวินทรา ใจซื่อ
ชาวบ้านออกไปหาหอย หาปลา ที่หน้าหาด มักจะได้เห็นร่องรอยสัตว์น้ำทั้งเต่ามะเฟือง เต่าตนุ และพะยูน เข้ามาหากินที่อ่าวป่าคลอก ก็หญ้าทะเลอาหารหลักสำคัญอยู่ที่นี่ ก็ต้องเข้ามาหากินที่นี่ น้าเหมีย ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์บ้านป่าคลอกเล่าให้ฟัง
อ่าวป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ในวันนี้ ยังคงสภาพความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศชายฝั่ง ไม่ว่าจะเป็นป่าชายเลน แนวหญ้าทะเล และแนวปะการัง เป็นแหล่งหากิน สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านในต.ป่าคลอกและพื้นที่ใกล้เคียง ทุกๆปีพื้นที่อ่าวป่าคลอกจะมีโอกาสได้ต้อนรับสัตว์น้ำ หายากที่เข้ามาหากิน เช่น เต่าทะเล โลมา และพะยูนหรือหมูน้ำ ถึงแม้ว่าพื้นที่ความหลากหลายทางชีวภาพในภูเก็ตมีแนวโน้มถูกคุกคามจากการพัฒนาเพิ่มขึ้น ทำให้จำนวนสัตว์น้ำที่พบเห็นลดน้อยลงไปทุกปี และทุกครั้งที่พบเห็นส่วนใหญ่มักจะเห็นสัตว์น้ำที่ตายแล้วแทบทั้งสิ้น
เหมือนเช่นเมื่อวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2550 มีชาวบ้านพบเห็นพะยูนเข้ามาหากินหญ้าทะเลในอ่าวป่าคลอกทางด้านปากคลองบางทราย บ้านผักฉีด-แหลมยามู แต่น่าเสียดายที่ชาวบ้านไม่มีโอกาสได้เห็นพะยูนที่ยังมีชีวิตอยู่ !!!
พะยูนเพศเมียตัวนี้ มีอายุประมาณ 3-5 ปี หนักประมาณ 130-150 กิโลกรัม มีชาวบ้านพบเห็นว่านอนตายอยู่ภายในโป๊ะน้ำตื้น คาดว่าพะยูนตัวนี้กินหญ้าทะเลเพลินจนหลงติดเข้าไปในโป๊ะ เมื่อน้ำทะเลลดก็ไม่สามารถว่ายออกมาจากโป๊ะได้ ทำให้พะยูนตายในที่สุด
โป๊ะน้ำตื้นหรือที่ชาวบ้านเรียกว่าหลาดหรือมุ(ละมุ)เป็นโป๊ะขนาดเล็กตั้งอยู่ในบริเวณชายฝั่ง หรือในคลองเขตน้ำขึ้นน้ำลง เครื่องมือประมงอีกประเภทหนึ่งที่ทำอันตรายต่อสัตว์น้ำวัยอ่อนและสัตว์น้ำหายากที่เข้ามาหากินบริเวณอ่าวป่าคลอก จากการบอกเล่าของชาวบ้านทราบว่า เครื่องมือประมง เช่น โป๊ะน้ำตื้น อวนถ่วงปลากะพง เป็นสาเหตุที่ทำให้สัตว์น้ำหายาก ตายมาเป็นจำนวนมากแล้ว ทางแก้ปัญหาที่จะรักษาชีวิตสัตว์น้ำเหล่านี้ได้คือเลิกใช้เครื่องมือประมงที่เป็นอันตรายเหล่านั้นเสีย
พะยูนหรือหมูน้ำ จัดเป็นสัตว์ป่าสงวนหนึ่งใน 15 ชนิดของประเทศไทย และอนุสัญญา CITES เป็นสัตว์น้ำเลี้ยงลูกด้วยนมเช่นเดียวกับโลมาและปลาวาฬ ส่วนใหญ่พะยูนจะอยู่รวมกันเป็นครอบครัว ออกหากินรวมกันเป็นฝูงใหญ่ ไม่มีฤดูกาลสืบพันธุ์ที่แน่นอน ใช้เวลาตั้งท้องนานประมาณ 12-13 เดือน ออกลูกครั้งละ 1 ตัว แต่ก็มีบางครั้งที่ออกเป็นลูกแฝด ลูกพะยูนจะอยู่กับแม่เพื่อกินนมเป็นเวลา 2 ปี จึงหย่านม ตัวโตเต็มที่มีอายุประมาณ 13-14 ปี ตลอดช่วงอายุของพะยูนเพศเมียซึ่งยืนยาวกว่า 50-55 ปี นั้นสามารถให้ลูกได้เพียง 5-6 ตัว จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พะยูนใกล้สูญพันธุ์
พะยูนชอบอาศัยบริเวณชายฝั่งทะเลน้ำขุ่น ที่สงบปราศจากคลื่นลมรุนแรง ระดับน้ำค่อนข้างตื้นประมาณ 1-12 เมตร พะยูนจัดเป็นสัตว์กินพืช มันใช้หญ้าทะเลเป็นอาหารหลัก ซึ่งในพื้นที่อ่าวป่าคลอกพบว่ามีหญ้าทะเลทั้งสิ้น 4 ชนิด ได้แก่ หญ้าคาทะเล ,หญ้าใบมะกรูด ,หญ้าชะเงาใบมนและหญ้าชะเงาใบเลื่อย พะยูนออกหากินทั้งกลางวันและกลางคืนวันละ 15-20 ชั่วโมง กินหญ้าทะเลประมาณ 25-30 กิโลกรัมต่อตัว/วัน
สาเหตุที่ทำให้พะยูนมีชื่อเรียกอีกชื่อว่าหมูน้ำนั้น เกิดจากพฤติกรรมการกินหญ้าทะเล คือพะยูนจะใช้ริมฝีปากที่หนาและแข็งแรงของมันดุนกินลำต้นหรือหัวของหญ้าทะเลซึ่งฝังอยู่ใต้พื้นทราย เช่นเดียวกับการ ขุด ดุน หาอาหารของหมู จึงทำให้พะยูนได้อีกชื่อหนึ่งว่า "หมูน้ำ"
ปัจจุบันในประเทศไทยทั้งในบริเวณอ่าวไทย และชายฝั่งทะเลอันดามัน พบเห็นตัวพะยูนไม่บ่อยนัก จำนวนประชากรของพะยูน ในถิ่นกำเนิดทุกแห่งลดน้อยลงอย่างรวดเร็ว จนน่าวิตกว่าจะสูญพันธุ์ในอนาคตอันใกล้
นอกจากนี้การพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ยังเป็นตัวเร่งที่จะทำให้พะยูนสูญพันธุ์เร็วยิ่งขึ้น เพราะพะยูนกินแต่หญ้าทะเลเป็นอาหารหลัก แต่กลับพบว่าปัจจุบันแหล่งหญ้าทะเล ถูกทำลายลงด้วยการโครงการพัฒนาพื้นที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว เช่น การก่อสร้างสะพานท่าเทียบเรือมารีน่า เป็นต้น
ลูกทะเลถูกสอนให้รักษาทะเล เพราะทะเลคือชีวิต ที่ไม่ใช่เฉพาะชีวิตคนเท่านั้น แต่รวมถึงชีวิตของสัตว์น้ำที่ได้อาศัยทะเลเป็นแหล่งหาอยู่หากินเช่นเดียวกัน หากกระแสของการพัฒนายังคงมาแรง หลายฝ่ายไม่ได้ให้ความสนใจในการดูแลทะเลอย่างจริงจังแล้ว อนาคตอีกไม่นานในทะเลก็คงจะไม่เหลือสิ่งใดไว้ให้ลูกหลานแน่นอน
แหล่งที่มาของข้อมูล
- หนังสือรักษ์พะยูน จัดทำโดยส่วนอุทยานแห่งชาติทางทะเล กรมป่าไม้
- มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทยฯ
ภาพโดย
เยาวชนโรงเรียนรอบอ่าวป่าคลอก โรงเรียนวีระสตรีอนุสรณ์ และอาจารย์มานะ สามเมือง
มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทยฯ
|