ราชเลขาธิการในพระองค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถส่งหนังสือถึง ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เรื่องขอความอนุเคราะห์ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นการด่วน หลังจากที่กลุ่มชาวบ้านอนุรักษ์ป่าชายเลนบ้านกู้กู ได้มีหนังสือกราบบังคมทูลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ
เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2551 ท่านผู้หญิงมนัสนิตย์ วณิกกุล ราชเลขาธิการในพระองค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ลงนามในหนังสือ ที่ รล 0010.1/75และที่รล 0010.1/76 เรื่องขอความอนุเคราะห์ ในการตรวจสอบข้อเท็จจริง เรียน ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตตามลำดับ และข้อความในหนังสือตอนหนึ่งระบุว่า ด้วยมีราษฎรจำนวนมากจากบ้านกู้กู หมู่ที่ 3 ตำบลรัษฎา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ตได้มีหนังสือมากราบบังคมทูล สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ว่าพวกเขามีความเดือดร้อนจากการถูกกลุ่มนายทุนบุกรุกป่าเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งเป็นป่าชายเลนอุดมสมบูรณ์ เป็นที่อนุบาลของสัตว์น้ำ ที่ซึ่งชาวบ้านได้ทำการประมงหาเลี้ยงชีพมาหลายชั่วอายุคนแต่ในปัจจุบันได้มีกลุ่มนายทุนบุกรุก ทำลาย ปรับสภาพ ขุดคลองถมที่กั้นแนวป่า เพื่อให้เกิดสภาพป่าเสื่อมโทรมโดยเร็ว ตลอดจนมีการออกเอกสารสิทธิ ทับป่าชายเลนรวมเนื้อที่ประมาณ 70 ไร่ ซึ่งที่แปลงดังกล่าวนี้บริษัท ป.ต.ท. จำกัด(มหาชน) ร่วมกับกรมป่าไม้พร้อมข้าราชการและประชาชนร่วมกันร่วมกันปลูกป่าเพื่อถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสที่ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี เมื่อปี พ.ศ.2547และชาวบ้านในพื้นที่ก็ช่วยกันดูแลรักษา ให้คงสภาพป่าสมบูรณ์ที่สุดตลอดเวลา
จึงเรียนมาเพื่อขอความกรุณาท่านและให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นการด่วน และโปรดแจ้งให้ราชเลขาธิการทราบ เพื่อจะได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลทรงทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทต่อไปด้วย จักขอบคุณยิ่ง
สำหรับก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2550 ที่ศาลาอนุรักษ์ป่าชายเลน นายชัยรัตน์ ดวงแข ในฐานะที่เป็นตัวแทนราษฎรหมู่ที่ 3 ตำบลรัษฎา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ตได้มีหนังสือกราบบังคมทูลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ เพื่อทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท ว่ามีการบุกรุกป่าชายเลนในพื้นที่โครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มหาราช เนื่องในมหามงคลวโรกาสครองสิริราชสมบัติครบ 50ปี
ทั้งนี้หนังสือกราบบังคมทูลฉบับดังกล่าว มีข้อความว่า ข้าพระพุทธเจ้าราษฎรหมู่ที่ 3 (บ้านกู้กู) ตำบลรัษฎา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต มีความเดือดร้อน จากการถูกกลุ่มนายทุนบุกรุกป่าเฉลิมพระเกียรติ แต่ขณะนี้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ยังไม่มาตรวจสอบ ดำเนินการแก้ไขตามหลักฐานความเป็นจริง ซึ่งเป็นความต้องการของชาวบ้านสูงสุด
ข้าพระพุทธเจ้าราษฎรหมู่ที่ 3 มีความประสงค์ให้องค์ราชินีมีพระราชดำรัส สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดำเนินการแก้ไขปัญหาและฟื้นฟูป่าชายเลนแปลงนี้ดังนี้ 1.ให้ดำเนินการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิ์ทับป่าชายเลนโดยมิชอบหรือไม่ หากพบว่าออกโดยมิชอบ ให้ดำเนินการเพิกถอนเอาผิดเจ้าหน้าที่และบุคคลที่เกี่ยวข้องที่ร่วมกระทำผิดด้วย 2.ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกับประชาชนเข้ามาฟื้นฟูป่าชายเลนให้กลับคืนสู่สภาพเดิมโดยเร็ว
ส่วนความคืบหน้าเกี่ยวกับการตรวจสอบที่ดินป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเลนคลองบางชีเหล้า-คลองท่าจีน หมู่ที่ 3บ้านกู้กู ตำบลรัษฎา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 16.00น.วันที่ 24 มกราคมนี้ นายปรีชา จันทร์ศิริตานนท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพร้อมด้วยคณะได้เดินทางมาที่ศาลาชุมชนอนุรักษ์ป่าชายเลน เพื่อพบปะกับนายอนุชา อาจหาญและคณะแกนนำชาวบ้านกู้กูอนุรักษ์ป่าชายเลนรวมประมาณ 15คน ต่อมาชาวบ้านได้นำคณะผู้ตรวจราชการเข้าไปตรวจสอบบริเวณซอยไม่มีชื่อด้านในสุดซึ่งเป็นแนวคลองซอย ที่เจ้าหน้าที่ป่าชายเลนจังหวัดภูเก็ต เคยจัดทำโครงการขุดขึ้นมาเพื่อป้องกันการบุกรุกครอบครองของนายทุน หรือดำเนินการในระหว่างที่มีการทำโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มหาราช เนื่องในมหามงคลวโรกาสครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี FPT 6 เนื้อที่ 800 ไร่โดยราษฎร ตำบลรัษฎาร่วมกับกรมป่าไม้ และบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน)ดำเนินการตั้งแต่เมื่อเดือนพฤษภาคม 2545 นอกจากนี้ ยังเดินสำรวจพื้นที่บุกรุกโดยรอบเป็นเวลานานประมาณ 30 นาทีด้วย
นายปรีชา จันทร์ศิริตานนท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกล่าวว่า จากการที่เข้าไปสำรวจดูพื้นที่เกิดเหตุ สภาพสิ่งแวดล้อม เป็นป่าธรรมชาติจากหลักฐาน เอกสารต่างๆ คงจะต้องนำมาพิสูจน์กันว่าเอกสารสิทธิ์ เป็นโฉนดที่ดินออกมาได้อย่างไร ส่วนจะออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบหรือไม่อย่างไรทางกระทรวงจะต้องดำเนินการต่อไปแน่นอน ทั้งนี้พื้นที่ที่ไปพบนั้น ตามแนวถนนโดนคนขุดและตัดป่าไม้ชายเลนออกไปหรือสภาพป่าเปลี่ยนแปลงไป ทั้งนี้เมื่อมาสำรวจพื้นที่ด้วยตนเอง จึงเห็นเด่นชัด จะรวบรวมข้อมูลเสนอต่อปลัดกระทรวงอย่างเร่งด่วนต่อไป
ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกล่าวอีกว่าในปัญหาการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเลนคลองบางชีเหล้า-คลองท่าจีน" นี้ ตนเองได้สั่งการไปแล้ว 5ข้อสำคัญคือประการแรกต้องไปดูว่าพื้นที่ป่าที่มีปัญหานี้เมื่อปี2527 ที่อ้างกรรมสิทธิ์ครอบครองเป็นโฉนดมานั้น ได้มีการทำประโยชน์ในพื้นที่มาแล้วหรือไม่อย่างไร คงต้องใช้ภาพถ่ายทางอากาศ ในปีนี้เป็นหลักว่า เพื่อให้นำมาตรวจพิสูจน์ว่าป่านี้ มีการออกโฉนด มาด้วยเอกสารใด ในเมื่อไม่ได้ทำประโยชน์แล้วกลับมาออกเอกสารสิทธิ์ เรื่องนี้ ต้องไป ว่ากันในกฎหมายที่ดิน นอกจากนี้ต้องมาดูว่าป่าสงวนแห่งชาติป่าชายเลนแปลงนี้ ก่อนหน้านี้เคยมีการอนุญาตให้สัมปทานป่าชานเลน เอกสารนี้ ใครเป็นผู้รับประโยชน์ตั้งแต่ปีที่ได้รับอนุญาตและสิ้นสุดสัมปทานในปีใดหรือว่ามีการต่อสัมปทานเพิ่มเติมหรือไม่
ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกล่าวด้วยว่าประเด็นสำคัญอีกส่วนหนึ่ง คือเกี่ยวกับโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มหาราช ที่เจ้าหน้าที่จะต้องพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพราะเป็นโครงการ เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ในสมัยนั้นทำในพื้นที่โครงการที่เจ้าหน้าที่พิจารณาเห็นว่า เป็นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ก็ดำเนินการไป แต่ในทางตรงกันข้าม เจ้าของที่ดินที่อ้างเอกสารสิทธิ์เป็นโฉนด เมื่อเห็นว่า เจ้าหน้าที่เข้ามาทำในพื้นที่ตนเอง ต้องร้องคัดค้านตั้งแต่ต้น รวมทั้ง การขุดคูคลองของกรมป่าไม้ที่เป็นแนวเขตฉนวนเดิม เมื่อมีการทำแนวเขตแล้วในปีไหนอย่างไรและทำไมผู้อ้างกรรมสิทธิ์ที่ดินทำไมไม่มีการร้องคัดค้านหรือทำอะไรบ้าง ใน 2 ประเด็นนี้เจ้าหน้าที่จะต้องรวบรวมและนำไปเพื่อสู้คดีกันพร้อมกันนี้ ได้ขอให้แกนนำชาวบ้านรวบรวมเอกสารข้อมูล โดยเฉพาะภาพถ่าย ในปี 2527 รวมทั้ง ภาพถ่ายโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ มาประกอบให้กับเจ้าหน้าที่ด้วย |