แถลงการณ์  
              คืนสิทธิการมีส่วนร่วมแก่ประชาชน   
              เอาการทำลายทรัพยากรออกไป  เอาทะเลไทยคืนมา  
              ณ  ศาลากลางจังหวัดพังงา  
            เรียน  พี่น้องชาวพังงา   พี่น้องชาวประมงพื้นบ้าน   สื่อมวลชนและเพื่อนประชาชนทุกท่าน  
            ในช่วงที่ประเทศไทยได้เร่งพัฒนาการทำประมงให้จับสัตว์น้ำจำนวนมากขึ้นนั้น  ได้มีการนำเข้าเทคนิคการทำประมงด้วยเครื่องมืออวนลาก อวนรุน มาใช้ในประเทศไทย  จนส่งผลให้ทรัพยากรทางทะเลเสื่อมโทรมลงเป็นอย่างมาก จนกระทั่ง พ.ศ. 2515 รัฐบาลไทยสมัยนั้นต้องประกาศเขตหวงห้ามมิให้ทำการประมงด้วยเครื่องมืออวนลาก  อวนรุน เข้ามาทำประมงในระยะ 3,000 เมตร จากชายฝั่ง  มาตรการดังกล่าวได้บังคับใช้มา ๓๖ ปีถึงปัจจุบัน  การทำลายทรัพยากรด้วยเครื่องมือดังกล่าวก็ยังคงรุนแรงขึ้น  
            พี่น้องที่รักทั้งหลาย  มีแนวโน้มที่ทะเลไทยยังคงเสื่อมโทรมลงเรื่อยๆ เห็นได้จาก  ในขณะที่ปริมาณการจับสัตว์น้ำโดยรวมเพิ่มมากขึ้น  แต่อัตราการจับสัตว์น้ำในทะเลไทยกลับลดลงอย่างน่าใจหาย จากข้อมูลของกรมประมงเอง  เมื่อปี พ.ศ.2504 ในหนึ่งชั่วโมงเรืออวนลากจับสัตว์น้ำได้เฉลี่ย 298  กิโลกรัม ต่อมาในปี พ.ศ.2546 เรืออวนลากจับสัตว์น้ำในหนึ่งชั่วโมงได้เฉลี่ยเหลือเพียง  29.22 กิโลกรัม และหนำซ้ำสัตว์น้ำที่จับได้นั้น  เป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจขนาดเล็กไม่ได้ขนาดและปลาเป็ดถึงร้อยละ 61.50  
            งานศึกษาวิจัยเชิงวิชาการ  ทั้งของมหาวิทยาลัย นักวิชาการกรมประมง และองค์การระดับประเทศ ระหว่างประเทศต่างๆ  ประเทศไทยจึงมีข้อสรุปตรงกันว่า เครื่องมืออวนลาก  อวนรุนมีผลกระทบต่อสัตว์น้ำหลากชนิด, สัตว์น้ำใกล้สูญพันธุ์  และสัตว์น้ำเศรษฐกิจวัยอ่อน จนแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 8 (พ.ศ.2540) เป็นต้นมา  ได้ระบุให้ลดและยกเลิกเครื่องมือทั้ง 2 ชนิดดังกล่าว  ปัจจุบันในร่างแผนแม่บทการจัดการประมงแห่งชาติ ซึ่งดำเนินการโดยกรมประมง  ก็ได้ระบุถึงแนวทางในการควบคุม ยกเลิกเครื่องมือทั้ง 2  ชนิดดังกล่าว แม้มาตรการทางนโยบายยังไม่มีความชัดเจนนักก็ตาม  
            เมื่อปีพ.ศ.2550 ที่ผ่านมารัฐบาล, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์  และกรมประมงได้พิจารณาปรับปรุงนโยบายควบคุมเครื่องมือการประมงทั้ง 2 ชนิด ตามข้อเสนอของ ตัวแทนสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านภาคใต้ และสมัชชาคนจน  จนได้ข้อสรุปว่า แม้จำเป็นต้องยกเลิกเครื่องมือประมงทั้ง 2 ชนิดดังกล่าว  แต่ควรใช้มาตรการแบบค่อยเป็นค่อยไป ด้วยการปรับปรุงมาตรการหวงห้าม 3,000 เมตรเดิม ให้ขยายออกไปเป็น 3 ไมล์ทะเล (5,400 เมตร) แทนการประกาศยกเลิกเครื่องมือทั้ง 2  ชนิดโดยทันที แม้จะไม่สามารถแก้ปัญหาได้สำเร็จเด็ดขาด  แต่แนวทางดังกล่าวก็ได้รับการขานรับจากทุกฝ่ายด้วยดี  
            กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงได้ประสานให้แต่ละจังหวัดจัดการประชุมปรึกษาหารือเพื่อพิจารณา  เนื่องจากเห็นว่าเงื่อนไขแต่ละจังหวัดมีความแตกต่างกัน  และต้องการให้เกิดการมีส่วนร่วมกันกำหนดระหว่างผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายโดยเฉพาะชาวประมงพื้นบ้านด้วย  
            หลังจากนั้น  ทุกจังหวัดชายทะเลของประเทศไทย มีการจัดประชุมกรณีดังกล่าวรอบที่หนึ่งไปแล้ว  แต่เนื่องจากเป็นการจัดประชุมเร่งด่วน  จึงขาดการมีส่วนร่วมของผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างเท่าที่ควร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์  จึงได้ประสานให้บางจังหวัดจัดการประชุมเพื่อทบทวนผลการประชุมในครั้งแรกใหม่อีกครั้ง  รวมถึงจังหวัดพังงาด้วย ซึ่งปรากฎว่าหลายจังหวัดได้ทะยอยจัดประชุมไปแล้ว  เช่น  จังหวัดภูเก็ต  สตูล  นครศรีธรรมราช เป็นต้น  ปัจจุบันบางจังหวัดได้มีการประกาศเขตฯใหม่ไปแล้วเช่นกัน  แต่ไม่ปรากฎว่าจังหวัดพังงาจะมีการจัดประชุมฯใหม่แต่อย่างใด ซ้ำเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2551 ประมงจังหวัดพังงาชี้แจงว่า จะไม่มีการจัดประชุมใหม่  ให้ยึดมติการประชุมครั้งที่ 1 ที่มีข้อสรุปให้พังงาใช้แนวเขต  3,000 เมตรเดิม ไม่ขยายแนวเขตใหม่  
            เราจึงได้พยายามประสานงานถึงผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา  ผ่านทางรองผู้ว่าราชการจังหวัด ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา  เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการทำประมงจังหวัดพังงา เพื่อทบทวนมติใหม่ร่วมกัน  ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2551  โดยให้มีตัวแทนชาวประมงพื้นบ้านจังหวัดพังงาเข้าร่วมประชุมชี้แจงด้วย  จนบัดนี้เราก็ยังไม่ทราบความชัดเจนจากทางจังหวัดว่าจะดำเนินการให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมประชุมทบทวนแต่อย่างใด  
            พี่น้องทั้งหลาย เราพร้อมที่จะรับฟังและยอมรับในหลักการเหตุผลบนฐานที่มีวิชาการรองรับ  แต่เราไม่อาจยอมรับข้อสรุปที่ปราศจากเหตุผล  ขาดการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้องได้  วันนี้พวกเราจึงต้องเดินทางมาติดตามความคืบหน้า  ว่าจังหวัดพังงามีแนวทางต่อกรณีนี้อย่างไร และเราคาดหวังว่าจังหวัดพังงาจะเคารพสิทธิการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างเท่าเทียม  ด้วยการจัดประชุมปรึกษาหารือเพื่อทบทวนการขยายแนวเขตหวงห้ามทำการประมงด้วยเครื่องมืออวนรุน  อวนลาก ที่ใช้กับเรือยนต์ทำการประมง เป็น 3 ไมล์ทะเล (5,400 เมตร) ตลอดจนกรณีปัญหาอื่นๆ เช่น การประมงด้วยเรือปั่นไฟ, อวนดำเล็ก, ไซพับปูม้า, โพงพาง,  อวนประกอบไม้กระทุ้งน้ำ  และโครงการพัฒนาชายฝั่งที่มีผลกระทบต่อแหล่งทำการประมง เป็นต้น  
            พี่น้องชาวพังงา  พี่น้องชาวประมงพื้นบ้าน สื่อมวลชนและเพื่อนประชาชนทุกท่าน  เราใคร่ขอวิงวอนให้ท่านติดตามกรณีนี้อย่างใกล้ชิด เพราะหากเราละเลยต่อการถูกละเมิดสิทธิพื้นฐานโดยง่ายแล้ว  ต่อไปเราก็จะไม่เหลือพื้นที่ของสิทธิ หน้าที่ อันชอบธรรมของเราอีกต่อไป  
            ขอความสันติ  และความสมานฉันท์แด่ทุกท่าน  
              เครือข่ายชาวประมงพื้นบ้านจังหวัดพังงา  
              สมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านภาคใต้  
          วันที่  25 กุมภาพันธ์ 2551   |