กลุ่มรักษ์อ่าวประจวบคีรีขันธ์ เปิดธนาคารปูม้า หวังฟื้นฟูทรัพยากรหน้าบ้าน
กิจกรรมการเปิดธนาคารปูม้าเมือง ๓ อ่าว
นางสาวอาทิติยา ยี่สาร
สมาคมรักษ์ทะเลไทยอ่าวไทยตอนบน พื้นที่เพชรบุรี,ประจวบคีรีขันธ์
รายงาน
วันนี้(๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๒) สมาชิกกลุ่มรักษ์อ่าวประจวบคีรีขันธ์ จำนวน ๓ หมู่บ้าน ประกอบด้วย บ้านตาม่องล่าย บ้านอ่าวน้อย และบ้านคั่นกระได และชุมชนประมงพื้นบ้านในภูมินิเวศน์รอบอ่าวประจวบคีรีขันธ์ กว่า ๑๐๐ คน โดยสมาคมรักษ์ทะเลไทย พื้นที่เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ร่วมด้วยสำนักงานประมงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สำนักงานประมงอำเภอ องค์การบริหารส่วนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และสำนักงานเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ ได้จัดพิธีเปิดธนาคารปูม้ากลุ่มรักษ์อ่าวประจวบคีรีขันธ์ และการเสวนาเรื่องการจัดการทรัพยากรชายฝั่งโดยชุมชนประมงพื้นบ้าน โดยมีนายพิสิษฐ์ สุนทรีรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นผู้กล่าวเปิดงาน
นางน้ำเพชร แก่นสาร ประชาสัมพันธ์กลุ่มรักษ์อ่าวประจวบคีรีขันธ์ ได้กล่าวว่าวัตถุประสงค์ของการจัดงานในครั้งนี้ ถือว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดีในการที่จะทำให้เกิดเครือเชื่อมร้อยเครือข่ายชาวประมงพื้นบ้านในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สร้างกิจกรรมการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรหน้าบ้าน บอกว่าตนเองในฐานะคนทำงานนั้น อยากเห็นความสมบูรณ์ของทรัพยากรเหมือนในอดีต การทำธนาคารปูม้า ไม่ใช่เป็นการอนุรักษ์ปูม้า เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเป็นการเชื่อมโยงไปยังกิจกรรมอื่นๆในชุมชน เช่น กลุ่มออมทรัพย์ฯ กลุ่มกองทุนข้าวสาร เป็นต้น
เราเอาจากธรรมชาติมามากแล้ว ถึงเวลาแล้วที่เราต้องตอบแทนธรรมชาติบ้าง นางน้ำเพชร แก่นสาร กล่าว
ทางด้านนายมนัส ปานน้อย ประธานกลุ่มรักษ์อ่าวประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่าการทำประมงอย่างผิดกฎหมายและใช้เครื่องมือทำลายล้างในปัจจุบัน เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ประมงพื้นบ้านได้รับความเสียหาย เป้าหมายของการทำธนาคารปูม้าของกลุ่มรักษ์อ่าวประจวบฯในระยะเวลา ๒ ปีที่ผ่านมานั้น พบว่ามีจำนวนปูม้าที่มากขึ้นกว่าเมื่อก่อน สามารถจับปูม้าได้มากขึ้นชุมชนได้มีส่วนร่วมดูแลและเฝ้าระวังทรัพยากรหน้าบ้านของตน การทำงานฟื้นฟูทรัพยากรเป็นสิ่งที่มีความสำคัญและต้องลงมือทำอย่างเร่งด่วน ไม่ใช่เฉพาะแต่การทำธนาคารปูม้าเท่านั้น แต่ในระยะเวลา ๒ ปีที่ผ่านมา เราสามารถเห็นผลได้ รวมทั้งได้ทำงานแนวความคิดและการขยายพื้นที่งานอนุรักษ์และการฟื้นฟูไปยังพื้นที่รอบอ่าวประจวบคีรีขันธ์ ได้เพิ่มขึ้นด้วย นายมนัส ปานน้อย กล่าว
|