ข่มขู่ คุกคาม
ภูเก็ตโพสต์ ฉบับวันที่ 16-31 มีนาคม 2553
วันที่ 5 มีนาคม ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเดินทางไปที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน พร้อมด้วย พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช นายเยี่ยมสุริยา พาลุสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา พล.ต.ต.ชลิต ถิ่นธานี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพังงา เพื่อแถลงข่าวกรณีข้าราชการกรมอุทยานแห่งชาติกับพวกทุจริตจัดซื้อเรือและทุ่นจอด เรือตรวจการณ์และนำทรัพย์ของทางราชการไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว และฟอกเงิน แต่เหตุการณ์แถลงข่าวนนั้นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ!
เหตุการณ์ที่มาเป็นซีนสำคัญ ชิงความโดดเด่นไปจากท่านรัฐมนตรียุติธรรมคือเหตุการณ์ 2 ย่อหน้าสุดท้ายของข่าวที่บอกว่า...
หลังจากที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลงข่าวเสร็จแล้วและ เดินทางออกจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน เกิดเหตุไม่คาดฝัน เมื่อนายขยัน หรือดำ ยงประเดิม อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 79/42 บ้านทับละมุ ม.5 ลำแก่น อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ได้วิ่งตรงมาชกต่อยนายมาณพ รัตนจรุงพร ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์มติชน ประจำจังหวัดพังงา ขณะกำลังเก็บกล้องถ่ายภาพเป็นเหตุให้นายมาณพได้รับบาดเจ็บที่บริเวณใบหน้า พล.ต.ต.ชลิต ถิ่นธานี ผบก.ภ.จว.พังงา ซึ่งอยู่ใกล้เหตุการณ์ได้เข้ามาจับกุมนายขยัน ขณะเดียวกันนายทวี แพใหญ่ อดีตกำนันตำบลลำแก่น ได้ตรงเข้ามาที่นายมาณพอีก แต่ พ.ต.อ.กุณฑล ฉลาดแพทย์ ผกก.สภ.ท้ายเหมือง ได้ห้ามเอาไว้ พนักงานสอบสวนเวร สภ.ท้ายเหมือง รับแจ้งความและทำการสอบสวนก่อนบันทึกไว้เป็นหลักฐาน (จากหนังสือพิมพ์เสียงใต้ ฉบับวันที่ 6 มีนาคม 53)
ดูเหมือนเป็นข่าวทำร้ายร่างกายธรรมดาๆ ถ้าผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์และเป็นสักขีพยานไม่ใช่รัฐมนตรี อธิบดี ผู้ว่าฯ และตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายท่าน ที่สำคัญมากๆ ต้องขีดเส้นใต้เอาไว้ว่า ผู้ที่ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายทำร้ายผู้สื่อข่าวต่อหน้าต่อตารัฐมนตรียุติธรรมในวันที่ 5 มีนาคม ตรงกับวันสื่อสารมวลชนแห่งชาติ หรือ วันผู้สื่อข่าว พอดี...ข่าวธรรมดาๆ ก็กลายเป็นข่าวใหญ่ขึ้นหน้าหนึ่ง
เหตุการณ์ทำร้ายผู้สื่อข่าวต่อหน้ารัฐมนตรีในวันสื่อสารมวลชนแห่งชาติ ผู้กระทำการต้องการส่งสารอะไรบางอย่างต่อผู้กุมอำนาจรัฐหรือไม่? และชาวบ้านในพื้นที่จะอยู่กันอย่างไร?
ยิ่งในพื้นที่ จ.พังงาฝั่งทะเลตะวันตก เช่น บ้านในไร่ ต.นาเตย อ.ท้ายเหมือง จ.พังงามีการบุกรุกป่าชายเลน โดยกลุ่มทุนผู้มีอิทธิพลในพื้นที่และต่างถิ่น พร้อมทั้งออกเอกสารสิทธิในพื้นที่ของรัฐจำนวน 59.2 ไร่ ทั้งๆ ที่การปกป้อง ดูแลควรจะเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐ กลับไม่พบแม้แต่เงา จะมีก็แต่กลุ่มชาวบ้านตัวเล็กตัวน้อยที่รวมตัวกันปกป้องป่าชายเลนอันเป็นพื้นที่ของรัฐ กลับต้องมาถูกกลุ่มทุนผู้มีอิทธิพลข่มขู่และคุกคาม
ฤา เหตุการณ์วันที่ 5 มีนาคม ที่ผ่านมาจะเป็นคำตอบแล้วว่า...
แม้แต่ท่านรัฐมนตรียังไม่กลัว...นับประสาอะไรกับชาวบ้านตัวเล็กๆ!?...
สุจารี ไชยบุญ
องค์การความร่วมมือเพื่อการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติอันดามัน |