homeaboutusprojectnewsdata


english

 
 
   

   
 
 

เอ็นจีโอเรียกร้ององค์กรภาคประชาชนจับตามองคำสั่งย้ายรองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงาเป็นรองอธิบดีกรมที่ดิน

มติชนออนไลน์ 10 เมษายน 2554

เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2554 นี้ นายธนู  แนบเนียน ผู้อำนวยการการองค์การความร่วมมือเพื่อการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติอันดามัน (ARR)  อนุกรรมการฐานทรัพยากรที่ดิน  คณะกรรมการปฎิรูปการเมือง  เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า  การแต่งตั้งโยกกย้ายในกระทรวงมหาดไทย  เมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ปรากฏว่า มีรองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา นายวรพจน์ รัฐสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา อดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นรองอธิบดี กรมที่ดิน และ ย้ายนายธานี  ปลุกเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี  เป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา  ถือว่าการย้ายนอกฤดูการในครั้งนี้ไม่น่าจะเป็นการย้ายธรรมดา  ถึงแม้ว่าจะมีตำแหน่งว่างก็ตามแต่การย้ายมีผู้ที่เกี่ยวข้องในวงการที่ดินและผู้ติดตามการบริหารราชการระดับสูงของพื้นที่จังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน วิพากษ์กันต่างๆ นานา และนอกจากนั้นยังมีการตั้งข้อสังเกตุว่าทำไม บุคลากรของกรมที่ดินจึงมีความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับจังหวัดพังงา อยู่หลายช่วงหลายยุค อย่างเช่นนายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลย์วุฒิ   อธิบดีกรมที่ดินคนปัจจุบัน ก่อนจะเป็นอธิบดีกรมที่ดิน ก็เคยเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดพังงามาก่อน   เช่นเดี่ยวกับนายวิชัย  ไพรสบง อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต  ซึ่งในอดีตก่อนที่จะได้รับคำสั่งแต่งตั้งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดพังงาในเมื่อ ประมาณ ปีที่ผ่านมา ก็เป็นรองอธิบดีกรมที่ดินมาก่อน

     นายธนู กล่าวอีกว่าจากฐานข้อมูลพบว่า ทั้งนายธานี  และนายวรพจน์ จะเกษียณอายุ ในวันที่ 30 กันยายน 2554 นี้  ซึ่งมีเวลาในการทำงานจริงเพียง 5-6เดือนเท่านั้น และหากมองว่าพิจารณาจากอาวุโส  แล้วทำไม  ไม่แต่งตั้งนายสุรพล  วิชัยดิษฐ์  รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ที่เป็นรองผู้ว่าราชการมาแล้ว 7 ปี ขณะที่นายวรพจน์  ไม่ใช้อาวุโสอันดับ 1 ของกระทรวงมหาดไทย และหากดูเส้นทางการรับราชการของนายวรพจน์  แล้ว มีเหตุอันน่าสงสัยว่า ก่อนที่จะเกษียณอายุราชการน่าจะได้รับใบสั่งอย่างใด อย่างหนึ่งจากแก่นนำรัฐบาลหรือผู้มีอำนาจในรัฐบาลให้ดำเนินการอย่างใด อย่างหนึ่งเกี่ยวกับที่ดิน หรือไม่ เนื่องจาก ปัจจุบันที่ดินเป็นสินค้าที่มีราคาและทำกำไรให้กับเจ้าของได้จำนวนมหาศาล  และขณะเดียวกันก็พบข้อมูลว่า กรมที่ดินพยายามที่จะออกเอกสารสิทธิ์ให้กับกลุ่มการเมือง กลุ่มหนึ่ง เป็นเนื้อที่ประมาณ 2,000 ไร่ ในพื้นที่จังหวัดเพ็รชบูรณ์  ซึ่งเป็นทำเลที่เหมาะสำหรับการพัฒนา เป็นแหล่งท่องเที่ยว ขณะเดียวกันก็มีข่าวการออกเอกสารสิทธิ์ทับที่ดินป่าถาวรในพื้นที่จังหวัดพังงา ซึ่งเป็นพื้นที่สัมปทานเหมืองแร่ ของบริษัทแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอเมือง กะปง และ ตะกั่วป่า จึงขอเรียกร้องให้องค์กรเอกชนทั่วประเทศช่วยกันจับตามอง  และที่สำคัญช่วงที่ผ่านมาก็มีรองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงาคนหนึ่ง เป็นประธานการพิจารณาให้ผู้บุกรุกที่ดินรัฐเช่าที่ดินรัฐซึ่งขัดกับนโยบายในการแกปัญหาบุกรุกที่ดินรัฐ

 “ข้อมูลจากศูนย์วิจัยของธนาคารกสิกรไทยรายงานออกมาว่า  ในพื้นที่ชายฝั่งทะเลอันดามันมีแน้วโน้นราคาที่ดินจะสูงขึ้นเรื่อย และ เป็นพื้นที่ที่มีราคาที่ดินสูงที่สุดในประเทศไทย  นอกจากนั้นยังพบว่า ปัจจุบันนี้ในพื้นที่ชายฝั่งทะเลอันดามันเกิดอาชีพใหม่สำหรับอดีตข้าราชการกรมที่ดิน คือรับจ้างไปเบิกความต่อศาล  ซึ้งบางคดีก็นำข้อมูลไม่ครบถ้วนไปเบิกความสนับสนุนนายจ้างทำให้แนวโน้นการใช้กระบวนการยุติธรรม และมีการปรุงแต่งข้อมูลเปลี่ยนแปลงหลักฐานเดิม  ทำให้ที่ดินของรัฐมีแน้วโน้มว่าจะตกเป็นของบริษัททุนข้ามชาติ และบริษัทผู้มีอิทธิพลในพื้นที่จำนวนมาก  อย่างเช่นกรณีที่ดินของอำเภอท้ายเหมืองที่มีจำนวนไร่ เพียง500 ไร่ แต่ราคาที่ดิน สูงถึงไร่ละ 21 ล้านซึ่งเป็นราคาประเมินของกรมที่ดิน ร่วมมูลค่าแล้ว เป็นเงินถึง 10,000 ล้านบาทและปัจจุบันถูกเสนอขายให้ชาวต่างชาติเป็นที่เรียบร้อยแล้วหากจบขั้นตอนในขนวนการยุติธรรม กลุ่มนายทุนก็รับเงินมหาศาลทันที่ และนี้เป็นเพียงตัวอย่างเล็ก ๆ แต่มีกรณีอย่างนี้อีกจำนวนหลายแห่ง”

   นายธนู กล่าวในตอนท้ายอีกว่า  ในฐานะที่เป็นอนุกรรมการฐานทรัพยากรที่ดิน  คณะกรรมการปฎิรูปการเมือง  ต้องการให้รัฐบาลและผู้มีอำนาจดำเนินการแก้กฎหมายภาษีและการจัดการที่ดิน อย่างเช่น ให้มีการจัดเก็บภาษีแบบก้าวหน้าสำหรับที่ดิน ให้มีการจัดการการถือครองที่ดิน ให้จัดเก็บแก้ไข้การเก็บภาษีมรดกใหม่ หรือแม้แต่ภาษีบุคคลที่เกี่ยวข้องกับที่ดินด้วย

      นายพิชิต  จินดาพล นายก อบต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จงพังงา กล่าวว่า อบต.ต้องมีเรื่องราวกับนายทุนที่เข้ามาบุกรุกและครอบครองที่ดินสาธารณะเป็นเนื่องๆ มีทั้งการบุกรุกต้องการครอบครองออกเอกสารสิทธิ์ทับที่ชายหาด  ออกเอกสารสิทธิ์ทับที่ป่าชายเลน หรือแม้แต่ที่ดินหลุบฝั่งศพของชาวเล กลุ่มชายพันธ์มอแกนที่มาอาศัยอยู่บนฝั่งแล้ว

 “ล่าสุด อบต.จะสร้างที่พักให้กับกลุ่มประมงพื้นบ้านที่ออกเรือหาปลาทำประมงริมฝั่งทะเลและเป็นแหล่งอาหารให้ชาวบ้านตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง  ยังถูกทนายความของกลุ่มทุนมาคัดค้านการก่อสร้างโดยอ้างว่าบดบังทัศนวิสัยการมองเห็นทะเล   แต่ตรงกันข้าม กลุ่มทุนมักสร้างรัวสูงๆ บังประชาชนทั่วไป  ซึ่งในอดีตราคาที่ดินไม่สูงการท่องเที่ยวยังไม่พัฒนามาก  แค่ขับรถผ่านบนถนนก็เห็นวิวทะเลแล้ว แต่ปัจจุบัน หายไปมองเห็นแต่รั่วสีขาวและกำนันตำบลโคกกลอย  ก็ต้องไปเป็นพยานศาลบอย”

   นายอำนาจ  ขุนแก้ว อัยการจังหวัดพังงาคนใหม่  กล่าวว่า ช่วง ที่ตนรับราชการอยู่ในพื้นที่จังหวัดพังงา ซึ่งมีเขตอำนาจศาลจังหวัดพังงา คืออำเภอท้ายเหมือง ตะกั่วทุ่ง เมืองพังงา ทับปุด และ อำเภอเกาะยาว สำนวนที่สั่งไม่ฟ้องทั้งหมดจะสามารถที่จะตรวจสอบได้ และเชื่อว่าจะไมjมีข้อครหาสำหรับการวิ่งเต้นคดีและการสั่งคดี

      แหล่งข่าวจากผู้ไกล่เกลี่ยศาลจังหวัดพังงา กล่าวว่า ในศาลจังหวัดพังงามีคดีเกี่ยวข้องกับที่ดินที่สูงมากกว่า ร้อยละ 50 ของคดีทั้งหมด

 
 
องค์การความร่วมมือเพื่อการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติอันดามัน (ARR) 24/28 หมู่ 1 ถนนศักดิเดช  ต.วิชิต อ. เมือง จ.ภูเก็ต 83000  
โทรศัพท์/โทรสาร 076-393458    Email: