homeaboutusprojectnewsdata


english

 
 
   

   
 
 

ทวงถามความคืบหน้าคดีบุกป่าสงวนแห่งชาติ
ชาวบ้านย่าหมีรุดพบเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ทวงถามความคืบหน้าคดีบุกป่าสงวนแห่งชาติ

หนังสือพิมพ์เสียงใต้   20 ตุลาคม 2554

    เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 19 ต.ค. ที่ห้องประชุมสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดพังงา ต.ตากแดด อ.เมือง จ.พังงา นายวัชรา แก้วสุวรรณ ผู้อำนวยการส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 สาขากระบี่ เป็นประธานการประชุมกรณีชุมชนบ้านย่าหมีเข้าชื่อร้องเรียนเรื่องขอให้ตรวจสอบการบุกรุกทำลายป่าต้นน้ำบริเวณเขื่อนป่าอ้อย ม.3 ต.เกาะยาวใหญ่ อ.เกาะยาว จ.พังงา และ  โดยมีนายประวิทย์ ช่วยหมุด หน.หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พ.ง.1 (พังงา) พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ป่าไม้จำนวน 13 คน และชาวบ้านชุมชนบ้านย่าหมี ต.เกาะยาวใหญ่ อ.เกาะยาว จ.พังงา จำนวน 22 คน เข้าร่วมการประชุม สำหรับบรรยากาศในการประชุมทั้งฝ่ายราชการและฝ่ายชุมชนฯเป็นไปด้วยดี โดยฝ่ายชาวบ้านพยายามเน้นย้ำในประเด็นให้ส่วนราชการที่มีหน้าที่รับผิดชอบได้เพิ่มความเข้มข้นในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลและรักษาป่าให้มากขึ้น และให้เจ้าหน้าที่ช่วยกันรักษาความลับให้กับประชาชนที่ทำหน้าที่เป็นพลเมืองดีแจ้งเบาะแสขบวนการบุกรุกทำลายป่า เพื่อความปลอดภัยของผู้แจ้ง ในส่วนราชการก็พร้อมรับเอาข้อเสนอของประชาชนและนำจุดอ่อนจากการปฏิบัติหน้าที่ภายใต้อำนาจการบริหารจัดการที่มีอยู่ของหน่วยงานรับผิดชอบไปปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพการทำงานต่อไป

     นายปรีชา เมืองใหม่ แกนนำกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนบ้านย่าหมี กล่าวว่า ชุมชนบ้านย่าหมีที่ผ่านมา ได้มีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรมาโดยตลอด กรณีที่มีปัญหาเรื่องการบุกรุกทำลายป่า  การออกเอกสารสิทธิ์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งจากการดำเนินการตรวจสอบการบุกรุกในบริเวณป่าสงวนแห่งชาติป่าช่องหลาดที่ยังไม่เสร็จสิ้น ปรากฏว่าปัจจุบันได้มีการบุกรุกพื้นที่ป่าต้นน้ำเพิ่มขึ้นมาอีกในบริเวณเขื่อนป่าอ้อย หมู่ 3 ต.เกาะยาวใหญ่ ซึ่งเป็นเขื่อนที่ชาวบ้านได้ใช้ประโยชน์มาอย่างยาวนาน โดยส่งผลทำให้ชาวบ้านมีปัญหาเรื่องการใช้น้ำในการอุปโภคบริโภคไม่เพียงพอขณะนี้ ทางชุมชนจึงขอให้ทางสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ฯ สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบการบุกรุกทำลายป่าต้นน้ำดังกล่าว และให้ดำเนินการต่อผู้กระทำความผิด พร้อมกับให้ชี้แจงการดำเนินงานเป็นเอกสารให้ทางชุมชนได้รับทราบเป็นระยะ เพราะที่ผ่านมาการทำงานของเจ้าหน้าที่ชั้นปฏิบัติงานในพื้นที่ มักจะขาดการประสานงาน และขาดการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้ จนบางครั้งส่งผลเกิดความขัดแย้งในชุมชนด้วยกันเอง รวมทั้งมีความเสี่ยงต่ออันตรายจากการให้เบาะแสกับส่วนราชการในเรื่องการบุกรุกทำลายป่า ทั้งนี้ ทางชุมชนจำเป็นต้องได้รับรู้ผลการดำเนินงานและการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากร เพื่อให้พื้นที่ป่าได้ดำรงอยู่เกิดประโยชน์กับส่วนรวมและสาธารณะต่อไป  

          ทางด้าน นายวัชรา แก้วสุวรรณ ผู้อำนวยการส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 สาขากระบี่ กล่าวว่า ภารกิจของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ คือ การอนุรักษ์ สงวน คุ้มครอง ฟื้นฟู ดูแลรักษา ส่งเสริม ทำนุบำรุงป่า รวมทั้งการดำเนินการเกี่ยวกับการป่าไม้ให้เป็นไปตามระเบียบและกฎหมาย โดยเฉพาะเรื่องการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ในพื้นที่รับผิดชอบ ซึ่งเจ้าหน้าที่ป่าไม้มีอำนาจสืบสวนตรวจค้น จับกุมและยึดสิ่งของที่ได้ใช้หรือสงสัยว่าได้ใช้ในการกระทำผิด พร้อมกับทำบันทึกการจับกุมส่งพนักงานสอบสวน ต่อจากนั้นพนักสอบสวนจะเป็นผู้ดำเนินการสืบหาผู้กระทำผิดต่อไป ซึ่งในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ป่าไม้บางครั้งก็มีปัญหา เช่น พยานที่มาให้ปากคำหรือแจ้งเบาะแสส่วนใหญ่จะไม่ยอมให้มีการบันทึกปากคำ ทำให้ขาดน้ำหนักในพยานหลักฐาน หรือบางครั้งภายหลังได้รับแจ้งและมีการตรวจสอบหลักฐานชัดเจนว่าพื้นที่ดำเนินการอยู่ในเขตป่า แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ป่าไม้ไปถึงที่เกิดเหตุกลับปรากฏว่า มีการนำหลักฐานการครอบครองมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ และเมื่อไปขอหลักฐานเบื้องต้นในการดำเนินการออกเอกสารสิทธิ์กลับไม่ค่อยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ นอกจากนี้ ปัญหากำลังพล ปัญหางบประมาณ และเครื่องไม้เครื่องมือที่ใช้ในการทำงานไม่สอดรับกับจำนวนเนื้อที่ที่เจ้าหน้าที่ต้องรับผิดชอบก็ยังดำรงอยู่ สำหรับเรื่องราวที่ชาวบ้านมาติดตาม พร้อมข้อเสนอในการร่วมมือกันดูแลทรัพยากรระหว่างชาวบ้านกับหน่วยงานภาครัฐในวันนี้ นับเป็นเรื่องที่ดี เฉพาะลำพังเจ้าหน้าที่เพียงฝ่ายเดียวคงทำงานให้มีประสิทธิภาพสมบูรณ์ไม่ได้ จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านในพื้นที่ และในส่วนที่ทางหน่วยงานป่าไม้ได้ดำเนินการจับกุมและนำเรื่องราวเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวน สภ.เกาะยาว ไปแล้ว ต่อจากนั้นเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะต้องดำเนินการต่อไป ซึ่งทางป่าไม้จะได้ไปติดตามคดีว่า ตอนนี้ได้มีความคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว และส่วนที่มีการดำเนินการบุกรุกขยายพื้นที่เพิ่มขึ้น ก็จะได้เข้าตรวจสอบต่อไป

 
 
องค์การความร่วมมือเพื่อการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติอันดามัน (ARR) 24/28 หมู่ 1 ถนนศักดิเดช  ต.วิชิต อ. เมือง จ.ภูเก็ต 83000  
โทรศัพท์/โทรสาร 076-393458    Email: