กระตุ้นส.ส.อันดามันเคลียร์นายทุนรุกที่
หนังสือพิมพ์เสียงใต้ 15 ก.พ. 2552
แฉมีการบุกรุกทำลายป่าอย่างรุนแรง
เมื่อวันที่ 14 ก.พ. นายวินัย กิ่งเกาะยาว อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 30/11 ม. 2 ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ตเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่านายทุนซึ่งอ้างตัวว่าเป็นคนสนิทกับรัฐมนตรีใช้เครื่องมือหนักในการเข้าทำ ลายป่าชายเลนบริเวณบ้านบางคู ม.2 ต.เกาะแก้วทำลายไปแล้วจำนวนนับ 100 ไร่ โดยอ้างว่าที่ดินเป็นพื้นที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์เป็นโฉนด แต่ทำไมปล่อยให้มีป่าชายเลนขึ้นสูงมากหากเปรียบเทียบอายุไม้ป่าชายเลนที่ขึ้นในที่ดินแล้วน่าจะมีอายุอยู่ที่ 30-40 ปี
นายสุทิน ตันก่วนก้อง อายุ 59 ปี หัวหน้าชุมชนประชาสามัคคี ต.เกาะแก้งและเป็นอาสาสมัครรักษาป่าชายเลน กล่าวว่า ชาวบ้านได้ร่วมกันปลูกป่าชายเลนในที่ดินดังกล่าวมาต่อเนื่องเป็นเวลา 30-40 ปีที่ผ่านมา ซึ่งไม่มีใครแสดงเป็นเจ้าของแต่อย่างใด แต่เมื่อประมาณปีที่ผ่านมีนายทุนยกเครื่องจักรเข้ามาทำลายป่าชายเลนและขุดคลองสาธารณะ จึงได้คัดค้านและร้องไปที่ อบต. แต่ปรากฏว่า อบต.ตั้งขอหาลอกคลองเพียงอย่างเดียวซึ่งความเป็นจริงเป็นการทำลายป่าชายเลนและหลังจากวันนี้ได้ทิ้งระยะไว้ นับปีและมีการอ้างว่าเป็นคนใกล้ชิดของรัฐมนตรีและเข้ามาบัญชาการใกล้เครื่องจักรทำลายป่าชายเลน ซึ่งตนได้นำชาวบ้านไปหาป่าไม้ชายเลนและไปพบผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีนายอำเภอเมืองเข้าไปร่วมฟังด้วย ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดแจ้งว่าที่ดินแปลงดังกล่าวมีเอกสารสิทธิ์และเคยนำไปจำนองธนาคารมาหลายครั้งแล้ว จึงแนะนำให้นายอำเภอดำเนินคดีกับกลุ่มทุนเมื่อครั้งที่เข้าทำลายป่าในปีที่ผ่านเพื่อจะได้มีการตรวจสอบและจะได้หยุดการทำลายในครั้งนี้ แต่ จนกระทั่งถึงขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานใดดำเนินการเรื่องใดๆ เลย เพียงแต่ทราบจากหัวหน้าหน่วยป่าชายเลนว่าไปขอทราบพิกัดที่ดินจากเจ้าพนักงานที่ดิน ภูเก็ต แต่ปรากฏว่าที่ดินภูเก็ตไม่ให้ความร่วมมือและไล่ให้หัวหน้าป่าชายเลนไปดูพิกัดเอาเอง
นายอดินันท์ จิเหล่า ผู้ประสานงานเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอันดามัน กล่าวว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากแกนนำชาวบ้านจึงได้ติดตาม ความเคลื่อนไหวในเรื่องของการทำลายป่ามาอย่างต่อเนื่องและได้เคยนำชาวบ้านไปยืนหนังสือร้องทุกข์ต่อกรม สอบสวนคดีพิเศษให้ดำเนินคดีกับการออกเอกสารสิทธิ์ทับที่ดินป่าชายเลน ทั้งนี้เนื่องจากที่ดินบ้านบางคูดังกล่าวเป็นพื้นที่ป่าชายเลนและมีไม้ป่าชายเลนขึ้นเต็มพื้นที่หาก มีการออกเอกสารสิทธิ์จริงก็ไม่มีการทำประโยชน์ต่อเนื่อง ซึ่งต้องถือว่าไม่มีการทำประโยชน์ในที่ดินในระยะเวลา 5 ปี ต้องเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ แต่กรมที่ ดินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆก็ยังไม่ได้ดำเนินอะไรให้ชัดเจน
นายอดินันกล่าวและว่าเท่าที่ติดตามการทำ ลายป่าและทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ชายฝั่งทะเลอันดามัน พบว่าพื้นที่หลายแห่งกำลังเร่งทำ ลายให้หมดสภาพป่า อย่างเช่นกรณีของพื้นที่เขาหน้ายักษ์ ต.ลำแก่น อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษเสนอเป็นคดีพิเศษต่อคณะกรรมการคดีพิเศษไปแล้วนั้น ก็พบว่ากลุ่มอิทธิพลก็พยายามทำลายหลักฐานโดยการเผาไฟพื้นที่ป่าดั่งกล่าวให้หมดสภาพป่า ขณะที่พื้นที่ป่ากะปงที่ถูกเพิกถอนเอกสารสิทธิ์และกรมสอบสวนกำลังดำเนินคดีอยู่กับนายทุน ก็ปรากฏว่ามีผู้บุกรุกรายใหม่เข้ามาบุกรุกต่อขณะเดียวกันก็ ข่มขู่แกนนำชาวบ้าน พื้นที่ที่ตัดถนนเข้าป่าชายเลนที่อ้างว่าเพื่อเข้าไปกู้เรือ ก็ประจักษ์จัดแล้วว่าเป้าหมายเพื่อต้องการถนนเข้าไปครอบครองที่ดินในพื้นที่ป่าชายเลนและ สภาพถนนก็กลายเป็นคอนกรีตไปแล้วชาวบ้านไปร้องนายก รัฐมนตรีผ่านนายจุรินทร์ ลักษณ์วิศิษฏ์ เมื่อเดือนที่ผ่านมาก็ยังไม่เห็นความคืบหน้าอะไรแต่อย่างใด จึงฝากกระตุ้น ส.ส.ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง ระนองและสตูล ให้ความสำคัญกับการทำลายทรัพยากรป่าไม้ป่าชายเลนด้วย
ผมได้โทรศัพท์สอบถามความคืบหน้าไปยัง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เรื่องคดีดังกล่าวซึ่งอธิบดีแจ้งว่ากำลังรวบรวมพยานหลักฐานและจะสั่งการให้พนักงานสอบสวนทำงาน อย่างรวดเร็วเพื่อรักษาป่าชายเลนเอาไว้
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่าได้มีชาวบ้านโทรศัพท์มาถามกรณีทำลายป่าชายเลนบ้านบางคูจริง ซึ่งกรมสอบสวนยังไม่ได้รับคดีนี้เป็นคดีพิเศษ อยู่ในขั้นตอนกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิจารณาว่าจะสามารถเสนอเป็นคดีพิเศษได้หรือไม่ ทำให้ผู้ครอบครองที่ดินพยายามทำลายให้หมดสภาพป่าซึ่งต้องเร่งดำเนินการเรื่องนี้ต่อไป
ในส่วนของคดีเอกสารสิทธิ์มิชอบทับพื้นที่สาธารณะของชายฝั่งทะเลอันดามันพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กำลังเตรียมออกหมายจับนายทุนคนดังของพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการฟอกที่ดิน ในพื้นที่ชายทะเล
พล.ต.ต.อภิรักษ์ หงษ์ทอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่าชาวบ้านได้มาสอบถามเรื่องเจ้าหน้าที่ตำรวจไปคุ้มครองให้มีการทำลายป่าชายเลนซึ่งตนถือว่า เป็นการทำงานสวนกระแสพระราชเสาวนีย์สมเด็จพระนางเจ้าที่ต้อง อนุรักษ์ป่าชายเลนจึงแจ้งให้ชาวบ้านไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนท้องที่ |