รุกที่บางคูชาวบ้านเตรียมบุกศาลากลาง
หนังสือพิมพ์เสียงใต้ 25 ก.พ. 2552
นายทุนบุกรุกที่ป่าชายเลน บ้านบางคู ม. 2 ต.เกาะแก้ว อ.เมืองภูเก็ตเพื่อขายเปลี่ยนมือ ด้านชาวบ้านร่วมป่าชายเลนนำเครื่องวัดจีพีเอส ตรวจสอบแนวเขต พบหลังจากรถแบ็คโฮติดล่ม 3 คัน นายทุนจ้างชาวบ้านเข้าตัดป่าโกงกางขยายพื้นที่
จากกรณีที่นายเจษฎา แนบเนียน กำนันตำบลเกาะแก้ว พร้อมด้วยชาวบ้านได้เข้าพบนายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เพื่อยื่นหนังสือให้ระงับและยุติการบุกรุกเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ป่าชายเลนบ้านบางคู ม. 2 ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยระบุว่า ตามที่ชาวบ้านบางคู คณะกรรมการหมู่บ้าน ผู้ใหญ่บ้าน ม. 2 ต.เกาะแก้ว และกำนัน ต.เกาะแก้ว ได้ยื่นหนังสือต่ออดีตผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตนายนิรันดร์ กัลยาณมิตร เมื่อวันที่ 18 ส.ค.2551 เรื่องขอให้ตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ทับพื้นที่ป่าชายเลนและดำเนินคดีกับผู้ที่บุกรุกเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ป่าแต่ไม่มีใครเข้าไปตรวจสอบ จนกระทั่งวันที่ 23 ก.พ. นายสำราญ รักชาติ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้เดินทางเข้าพื้นที่จริง โดยระบุว่าหากตรวจสอบพบว่า มีการบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลนจริงก็จะเสนอไปยังกรมที่ดินเพื่อยกเลิกโฉนดแปลงดังกล่าวต่อไป ตามที่เสนอข่าวไป แล้วนั้น
ความคืบหน้าวันที่ 24 ก.พ.นี้ นายเจษฎา แนบเนียน กำนันตําบลเกาะแก้ว กล่าวว่าหลังจากที่ตนพร้อมชาวบ้านได้ยื่นหนังสือต่อนายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัด ที่ห้องทำงานศาลากลางจังหวัดภูเก็ต 1-2 วันนี้ ชาวบ้านจะเดินทางไปสอบถามถึงความคืบหน้าต่อผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ถึงเรื่องให้แต่งตั้งคณะกรรม การตรวจสอบเรื่องโฉนดเลขที่ ฉ 38191 เลขที่ 87 จำนวน 23 ไร่ ที่นายทุนครอบครองอยู่บริเวณบ้านบางคู ม. 2 ต.เกาะแก้ว อ.เมือง ว่าเป็นโฉนดที่ออกถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่และอยากทราบว่าตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัด ส่งหนังสือด่วนถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงานได้ดำเนินการถึงไปไหนแล้ว หากยังไม่ดำเนินการชาวบ้านก็จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดต่อไป
เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ป่าชายเลนได้เดินตรวจสอบพื้นที่ด้วยเครื่องวัดจีพีเอส ตรวจสอบพื้นที่ และจะนำจีพีเอสที่ชาวบ้านตรวจสอบไว้เทียบเคียงกับของหน่วยงาน ราชการที่จะมาตรวจว่าตรงกันหรือไม่ โดยพื้นที่ที่มีการอ้างสิทธ์นั้นขณะนี้นายทุนได้นำรั่วกั้นทุกด้านเพื่อป้องกันไม่ให้ชาวบ้านเข้าไปบุกรุก โดยก่อนหน้านี้นายทุนได้นำรถแบ็คโฮจำนวน 3 คัน ปรับพื้นที่ดังกล่าว จนทำให้รถแบ็คโฮถูกโคลนดูดจนติดหล่มทั้ง 3 คัน ขณะนี้นายทุนได้ว่าจ้างคนงานเข้ามาดูแลพื้นที่และปรับแต่งตัดป่าโกงกางจนเสียหายเพิ่มมากขึ้น ซึ่งอยากให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบโดยเร่งด่วน
กำนันตำบลเกาะแก้วกล่าวอีกว่าสำหรับพื้นที่ที่นายทุนอ้างสิทธิ์และมีการปรับแต่งพื้นที่ทราบว่า เพียงแค่ต้องการขายเปลี่ยนมือเท่านั้นไม่ได้ต้อง การปรับแต่งเพื่อสร้างรีสอร์ทหรือบ้านตากอากาศแต่อย่างไร |