เครือข่ายปัญหาที่ดิน ภูเก็ต-พังงา ร้องให้รมว.ทช.แก้ไขหาบุกรุกป่าของรัฐด่วน!
8 เม.ย.52
เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 8 เม.ย.52 เครือข่ายองค์กรชุมชนชายฝั่งพังงา-ภูเก็ตพร้อมด้วยองค์กรเครือข่ายที่ดินจังหวัดพังงา รวมจำนวน 300 คน เดินทางไปที่ทำการอุทยานแห่งชาติหาดท้ายเหมือง-เขาลำปี เพื่อยื่นหนังสือต่อนายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เครือข่ายองค์กรชุมชนชายฝั่งพังงา-ภูเก็ตได้ยื่นหนังสือถึงนายสุวิทย์ คุณกิตติ เรื่อง ขอให้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาบุกรุก ครอบครอง ทำลายสภาพพื้นที่ป่าไม้ ป่าชายเลนและที่ดินของรัฐและสนับสนุนเพิกถอนเอกสารสิทธิ์และฟื้นฟูป่าไม้ ป่าชายเลน ในพื้นที่จังหวัดพังงาและจังหวัดภูเก็ต ซึ่งในระยะเวลาการทำงานของรัฐบาลที่ผ่านมา การแก้ไขปัญหาการบุกรุกทำลายป่าไม้ ป่าชายเลน ที่ดินของรัฐ และการออกเอกสารสิทธิ์ในเขตป่าไม้ ที่ดิน และที่สาธารณะของรัฐ การแก้ไขปัญหายังไม่ได้รับการดำเนินการอย่างที่สุด ก่อให้เกิดการทำลาย บุกรุก ครอบครอง เปลี่ยนแปลงสภาพอย่างต่อเนื่องและยังส่งผลก่อให้เกิดความขัดแย้งกับชุมชน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว เกิดจากการปฏิบัติราชการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นไปอย่างล่าช้า จึงส่งผลให้เกิดเหตุการณ์ในพื้นที่ดังนี้
1.บ้านในไร่ ม.7 ต.นาเตย อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา มีการบุกรุก ทำลาย เปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ป่าชายเลนตามการตรวจสอบของส่วนบริหารจัดการทรัพยากรป่าชายเลนที่ 2 เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ขาดความรับผิดชอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและมาตรการในการปกป้องและฟื้นฟูสภาพป่าชายเลน ที่ยังคงหลงเหลืออยู่และการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในการเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ป่าชายเลน ก่อให้เกิดความขัดแย้งกับกลุ่มอนุรักษ์บ้านในไร่ และชาวบ้านทั่วไป อีกทั้งการข่มขู่ คุกคามกับชาวบ้านและนักพัฒนาเอกชนในพื้นที่ 2.บ้านย่าหมี บ้านช่องหลาด ต.เกาะยาวใหญ่ บ้านโล๊ะโป๊ะ ต.พรุใน อ.เกาะยาว จ.พังงา การบุกรุก ทำลาย เปลี่ยนแปลงสภาพป่าต้นน้ำในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าช่องหลาดและป่าเกาะยาวใหญ่ แปลงที่ 1 และแปลงที่ 2 ของบริษัท นาราชา จำกัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรมป่าไม้มิได้เข้าไปดำเนินการแก้ไขปัญหาใดๆ ก่อให้เกิดการทำลายเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ป่าต้นน้ำ อย่างต่อเนื่อง ชาวบ้านในพื้นที่มีผลกระทบจากการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และเกิดความขัดแย้งกับชุมชน โดย บริษัทฯ ฟ้องร้องดำเนินคดีกับชาวบ้านนักอนุรักษ์ในข้อหา บุกรุกและทลายทรัพย์ในที่ดินของบริษัทฯ และการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ของกรมที่ดิน และการติดตาม ตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ในเขตที่ดิน ป่าไม้ ของรัฐ ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นไปอย่างล่าช้า 3.การฟ้องร้องดำเนินคดีและเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ นส.3 ก. และโฉนดในเขตอุทยานแห่งชาติหาดท้ายเหมือง-เขาลำปี บริเวณเขาหน้ายักษ์ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าว นอกจากจะเป็นเขตอุทยานแห่งชาติแล้ว ยังเป็นเขตความมั่นคงทางทะเล ของกองทัพเรือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องขาดความรับผิดชอบและไม่มีมาตรการในการปกป้อง คุ้มครองพื้นที่อนุรักษ์อันเป็นหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพรรณพืช 4.กรณีบ้านกู้กู ม.3 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต การติดตามดำเนินคดีกับผู้บุกรุกกระทำผิดในพื้นที่ป่าชายเลน ป่าสงวนแห่งชาติ คลองท่าจีน-กู้กู ของหน่วยป้องกันและปราบปรามทรัพยากรป่าชายเลน สถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 23 ส่วนบริหารจัดการทรัพยากรป่าชายเลนที่ 2 ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดยังไม่มีความคืบหน้าและฟ้องร้องดำเนินคดีใดๆ อีกทั้งการตรวจสอบแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติฯและ การอ่านภาพถ่ายทางอากาศยังมิได้ดำเนินการส่งให้กับคณะกรรมการตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ที่ดินในเขตพื้นที่ป่าชายเลนบ้านกู้กู จ.ภูเก็ต เพื่อดำเนินการสรุปและเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ต่อไป 5.กรณีบ้านบางคู ม.2 ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต เกิดการบุกรุก ทำลาย เปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ป่าชายเลน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องขาดมาตรการในการป้องกัน ปราบปรามและฟื้นฟูทรัพยากรป่าชายเลน ซื้อเวลาและการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง ก่อให้เกิดการทำลายทรัพยากรป่าชายเลนและความขัดแย้งกับชุมชน และ 6.กรณีป่าสงวนแห่งชาติ เขต อ.กะปง จ.พังงา ซึ่งอยู่ในระหว่างการดำเนินคดีพิเศษของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในพื้นที่มีสภาพปัญหาบุกรุก ครอบครองและเปลี่ยนแปลงสภาพป่าต้นน้ำในพื้นที่ป่าต้นน้ำของผู้มีอิทธิพลก่อให้เกิดการทำลายสภาพป่าต้นน้ำ และมีการข่มขู่ของผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นก่อให้เกิดความขัดแย้งในพื้นที่
ทางเครือข่ายองค์กรชุมชนชายฝั่งพังงา-ภูเก็ต เรียกร้องให้ รมต.กระทรวงทรัพยากรฯ ดำเนินการแก้ไขปัญหาการบุกรุกป่าไม้ ป่าชายเลนและที่ดินของรัฐอย่างเร่งด่วน ตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุน และสร้างความปรองดองของพี่น้องภายในชาติ 6 ข้อง ดังนี้
1.บ้านในไร่ ม.7 ต.นาเตย อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ขอให้ รมว.สุวิทย์ ยืนยันตามการตรวจสอบสภาพพื้นที่ป่าชายเลนของส่วนบริหารจัดการทรัพยากรป่าชายเลนที่ 2 และคัดค้านการออกโฉนดและเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ของเอกชน 7 ฉบับ ( ตามหนังสือส่วนบริหารจัดการทรัพยากรป่าชายเลนที่ 2 เลขที่ ทส.0405.5.2.1/2248 ลงวันที่ 7 กันยายน 2550 ) และมีมาตรการในการปกป้องและฟื้นฟูสภาพป่าชายเลนที่ยังคงหลงเหลืออยู่ และขอให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในการเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ป่าชายเลน
2.กรณีปัญหาการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติบ้านย่าหมี บ้านช่องหลาด ต.เกาะยาวใหญ่ บ้านโล๊ะโป๊ะ ต.พรุใน อ.เกาะยาว จ.พังงา ขอให้สั่งการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติการตรวจสอบสภาพพื้นที่และดำเนินคดีกับผู้บุกรุก ทำลาย เปลี่ยนแปลงสภาพป่าต้นน้ำในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าช่องหลาดและป่าเกาะยาวใหญ่ แปลงที่ 1 และแปลงที่ 2 ของบริษัท นาราชา จำกัด และคัดค้านการออกโฉนด เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติฯ
3.ขอให้ดำเนินการฟ้องร้อง ดำเนินคดีและเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ นส.3 ก. และโฉนดในเขตอุทยานแห่งชาติหาดท้ายเหมือง-เขาลำปี บริเวณเขาหน้ายักษ์และตรวจสอบ ลงโทษทางวินัยกับข้าราชการในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องเอื้อประโยชน์ให้นายทุน
4.กรณีบ้านกู้กู ม.3 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ขอให้สั่งการโดยเร่งด่วนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินคดีกับผู้บุกรุกกระทำผิดในพื้นที่ป่าชายเลน ป่าสงวนแห่งชาติ คลองท่าจีน-กู้กู และส่งเอกสารรายงานการอ่านภาพถ่ายทางอากาศให้กับคณะกรรมการตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ที่ดินในเขตพื้นที่ป่าชายเลนบ้านกู้กู จังหวัดภูเก็ต เพื่อเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ในพื้นที่ป่าชายเลน ป่าสงวนแห่งชาติต่อไป
5.กรณีบ้านบางคู ม.2 ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต ขอให้สั่งการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเร่งด่วน ดำเนินคดีกับผู้บุกรุก ทำลาย เปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ป่าชายเลน และมีมาตรการและปฏิบัติการในการป้องกัน ปราบปรามผู้กระทำความผิดและเร่งฟื้นฟูทรัพยากรป่าชายเลนที่เหลืออยู่จำนวนกว่า 200 ไร่ อีกทั้งการขึ้นทะเบียนบัญชีตามสารบบป่าชายเลนกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งและขุดคูร่องน้ำป้องกันการบุกรุก เปลี่ยนแปลงสภาพเพิ่มเติม
6.กรณีชุมชนบ้านในหงบ - ควนคา ม.4 ต.ตากแดด อ.เมือง จ.พังงา ขอให้สั่งการให้อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงาร่วมมือและ สนับสนุนชุมชนในการมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรชายฝั่งในบริเวณพื้นที่อย่างยั่งยืน
7.ขอให้ รมว. สั่งการโดยเร่งด่วน เพื่อปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามผู้บุกรุกป่าต้นน้ำ และดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด ขอให้มีการฟื้นฟูสภาพป่าในเขตพื้นที่กะปง
8.ขอให้ รมว. สั่งการโดยเร่งด่วนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำรวจพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ (บริเวณเขายา โตนอาบ) อ.คุระบุรี จ.พังงา เพื่อป้องกันการตัดไม้ขนาดใหญ่ และทำลายป่า บริเวณเขาหลัก ลำรู่ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติและรอยต่อกับเขตอุทยานแห่งชาติมีการบุกรุก แผ่วถางจับจองและให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดโดยเร่งด่วน
ส่วนทางด้านเครือข่ายที่ดินจังหวัดพังงาได้ยื่นหนังสือพร้อมข้อเรียกร้อง เรื่อง ขอให้มีมติคณะรัฐมนตรี และมีข้อเรียกร้องขอให้ รมว.สุวิทย์ ติดตามและสั่งการให้เลขานุการคณะกรรมการ กบร. (ผอ.สำนักงานกระทรวงทรัพย์ฯ) นำเรื่อง กรณีชุมชนทับยาง เข้าพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี เป็นการเร่งด่วน เนื่องจากตอนนี้อยู่ในช่วงการประนีประนอมในพื้นที่กับโจทก์ ซึ่งเป็นนายทุนผู้ฟ้องขับไล่ชาวบ้าน จะหมดลงในวัน ๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๓ ซึ่งหากไม่มีมติครม. ในระดับพื้นที่ไม่สามารถดำเนินการคลี่คลายปัญหาในความมั่นคงในที่อยู่อาศัย ที่ทำกินของชาวบ้านได้
สำหรับกรณีหมู่บ้านทับยางนั้น ได้อาศัยอยู่ในพื้นที่นี้มากันหลายชั่วอายุคน ได้รับความเดือดร้อนเรื่องที่ดินเป็นเวลานาน เนื่องจากที่ดินอยู่ที่ ซึ่งเคยเป็นพื้นที่ให้สัมปทานเหมืองแร่ในสมัยก่อน และเป็นที่ดินของรัฐตามกฎหมาย ถูกผู้ขอสัมปทานนำไปออกโฉนดและอ้างเป็นเจ้าของเหนือที่ดินดังกล่าว ที่ผ่านมาได้มีการฟ้องขับไล่ชาวบ้าน มีผู้เดือนร้อนทั้งหมดมี 120 ครอบครัว จำนวน 480 คน และเรื่องอยู่ระหว่างประนีประนอมกับโจทก์นั้น
นางทัศนา นาเวศน์ ตัวแทนเครือข่ายที่ดินจังหวัดพังงา กล่าวว่า ที่ผ่านมาชาวบ้านทับยางรวมตัวกันในนาม เครือข่ายที่ดินจังหวัดพังงา ได้ร้องเรียนให้รัฐบาลได้แต่งตั้งอนุคณะกรรมการตรวจสอบการออกหนังสือแสดงสิทธิ์ในที่ดิน ในเขตที่ดินของรัฐ โดย พลเอก สุรินทร์ พิกุลทอง เป็นประธาน ตามคำสั่งที่ 2/2549 และ คณะอนุกรรมการ ฯ มีมติว่าที่ดินดังกล่าวว่าเป็นที่ดินของรัฐประเภทที่รกร้างว่างเปล่า ซึ่งไม่สามารถนำไปออกเอกสารประเภทใดๆได้ จึงมีมติเพิกถอนที่ดิน 170 ไร่ และได้เสนอเรื่องต่อ คณะกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ (กบร.) โดยพลตรี สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายก เป็นประธานแล้วแต่เรื่องยังตกค้างอยู่ จึงมาเรียกร้องให้รัฐมนตรีช่วยติดตามและสั่งการให้เลขานุการคณะกรรมการ กบร. นำเรื่อง กรณีชุมชนทับยาง เข้าพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี เป็นการเร่งด่วน
นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า รับเรื่องไว้แล้ว และจะดำเนินการตามขั้นต่อต่อไป
ทางด้านนายอิบหร้อเหม ถิ่นเกาะยาว 1 ในตัวแทนเครือข่ายองค์กรชุมชนชายฝั่งพังงา ภูเก็ต กล่าวว่า ที่ผ่านมาเคยยื่นหนังสือต่อรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรฯ มาหลานคนแล้ว ก็ยังไงไม่มีอะไรคืบหน้า ที่มาวันนี้อยากให้ท่านรัฐมนตรีได้ทราบปัญหาความเดือนร้อนของชาวบ้าน และอีก 1 เดือน พวกเราจะเดินทางไปทวงถามความคืบหน้า นายอิบหร้อเหม กล่าวทิ้งท้ายก่อนเดินทางกลับ |