จดหมายเปิดผนึก
๙ เดือนที่ไร้ผลงาน: ถึงเวลาเปลี่ยนแปลงรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
12 กันยายน 2552
เรียน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นฐานทรัพยากรที่สำคัญสำหรับการดำรงชีวิตของมนุษย์ รัฐบาลภายใต้การนำของท่านนายกรัฐมนตรี มีนโยบายที่ดีในการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบนฐานการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกภาคส่วน
ระยะเวลา ๙ เดือนที่รัฐบาลบริหารประเทศมาจนถึงปัจจุบัน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไม่มีผลงานใดที่อาจกล่าวได้ว่าดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล ในทางตรงกันข้ามรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กลับดำเนินนโยบายที่ขัดแย้ง และเป็นอุปสรรคกับรัฐบาลหลายประการ อาทิเช่น การออกคำสั่งให้ดำเนินการจับกุมดำเนินคดี และรื้อถอนอาสินของราษฎรในชุมชนท้องถิ่นซึ่งที่ดินทำกินซ้อนทับกับที่ดินในพื้นที่ป่าตามกฎหมายป่าไม้ ขณะที่รัฐบาลกำลังดำเนินการแก้ไขปัญหาตามนโยบายโฉนดชุมชน
หรือกรณีการจัดตั้งองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ เพื่อทำหน้าที่ให้ความเห็นโครงการที่มีผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ อันเป็นหน้าที่โดยตรงของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่กระทรวงหลักที่ดำเนินงานกลับเป็นกระทรวงอุตสาหกรรม โดยที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรวมทั้งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ซึ่งดำเนินการเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง และได้จัดทำ ร่าง พ.ร.บ.องค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ พ.ศ. .... แล้วเสร็จมาปีกว่ากลับวางเฉยต่อเรื่องดังกล่าว
หรือการใช้ฐานะของรัฐมนตรีเจ้ากระทรวง ที่มีเหนือคณะกรรมการกองทุนสิ่งแวดล้อม ซึ่งปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นประธาน เพื่อใช้เงินกองทุนมากกว่า ๒,๐๐๐ ล้านบาทว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาจัดทำแผนที่ป่า ทั้งที่เป็นงานประจำที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีข้อมูลเดิมและดำเนินการจัดปรับเป็นปกติอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณดำเนินการมากถึง ๒,๐๐๐ ล้านบาท
นอกจากนี้การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำแหน่งสูงในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ผ่านมา ไม่ได้สะท้อนให้เห็นว่า เป็นการโยกย้ายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน หรือเพื่อการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลทำให้ข้าราชการที่มีความตั้งใจมุ่งมั่นทำงาน ขาดพลังกำลังใจในการทำงาน
กรณีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ซึ่งเป็นกรมที่มีแนวทางการทำงานที่ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชน ชุมชน และการสร้างความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ในการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง มีการเปลี่ยนแปลงอธิบดีถึง ๓ คนในระยะ ๖ เดือน ทำให้นโยบายและการทำงานขาดความต่อเนื่อง อธิบดีที่กำลังได้รับการแต่งตั้งใหม่แทนที่จะเป็นผู้มีความรู้ความสามารถหรือมีประสบการณ์ในงานด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กลับเลือกแต่งตั้งข้าราชการจากกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เป็นอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
ข้าราชการในกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งหลายท่านเป็นบุคคลกรที่มีความรู้ความสามารถด้าน ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเป็นที่ประจักษ์ มีผลงานทางวิชาการเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ กลับไม่ได้รับการพิจารณาให้รับผิดชอบงานที่ตนเองมีความรู้ความสามารถ
ภาวะความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งภาวะโลกร้อน เป็นปัญหาสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหา แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กลับไม่สามารถนำพากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้สามารถทำงานเชิงรุกอย่างมีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาได้ นอกจากนี้ได้สร้างความถดถอยต่อการทำงานจากการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการที่ไม่เหมาะสม
ระยะเวลา ๙ เดือนเพียงพอที่จะสร้างผลงาน จึงถึงเวลาแล้วที่นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้นำรัฐบาล และได้ชื่อว่า มีความมุ่งมั่นทำงานเพื่อประเทศชาติ จะได้ทบทวนการทำงาน รวมทั้งบุคคลที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และจัดปรับให้บุคคลที่มีความมุ่งมั่นในการทำงานมาเป็นผู้รับผิดชอบงานด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ขอแสดงความนับถือ
เครือข่ายชาวประมงพื้นบ้านอ่าวพังงา
เครือข่ายองค์กรชุมชนชายฝั่งจังหวัดภูเก็ต พังงา
เครือข่ายองค์กรชุมชนชายฝั่งพังงาตอนบน-ระนองตอนล่าง
เครือข่ายอ่าวกะเปอร์จังหวัดระนอง
สมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านภาคใต้
เครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งภาคใต้
เครือข่ายอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมชายฝั่งทะเลอ่าวไทย
สมาคมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและพิทักษ์สิ่งแวดล้อมจังหวัดตราด
เครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งภาคตะวันออก
องค์การความร่วมมือเพื่อการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติอันดามัน ( ARR )
คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ ( กป.อพช.ใต้ ) |