"เอ็นจีโอ"รุกรบ.สอบบริษัทต่างชาติ ขุดทรายตะกั่วป่าออกนอกประเทศ
มติชน 17 กันยายน 2552
"เอ็นจีโอ"จี้รัฐบาลและกรมการค้า ตปท.ตรวจสอบบริษัทต่างชาต"สิงคโปร์" ขออนุญาตขนทรายจากที่ขุดบริเวณปากแม่น้ำตะกั่วป่า จ.พังงา ออกนอกประเทศ กว่า 1 ล้านคิวบิกเมตร อ้างเป็นตะกอนไม่มีคุณสมบัติใช้ในอุตสาหกรรม เผยขัด กม.ประกาศ"ก.พาณิชย์"2 ฉบับ "สผ."ยันต้องพิจารณาความคุ้มค่า ห่วงผลกระทบสิ่งแวดล้อม
นายธนู แนบเนียน ผู้ประสานงานองค์กรความร่วมมือทรัพยากรธรรมชาติและอันดามัน เปิดเผยเมื่อวันที่ 16 กันยายน ว่า ขณะนี้มีบริษัทต่างประเทศชื่อ บริษัท เค แซน แอนด์ รีซอสเซส คอร์เปอเรชั่น จำกัด ของประเทศสิงคโปร์ ทำหนังสือถึงกรมการค้ากระทรวงการต่างประเทศ กรมทรัพยากรธรณี ผู้อำนวยการ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) กรมศุลกากร และกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) เพื่อขออนุญาตนำทรายจากการขุดตะกอนและสันดอนดินที่บริเวณปากแม่น้ำตะกั่วป่า อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เพื่อขออนุญาตนำทรายออกนอกราชอาณาจักร
"โดยอ้างว่า ตะกอนดังกล่าวไม่มีคุณสมบัติที่จะใช้ในอุตสาหกรรมใดๆ ซึ่งโดยหลักการ ตามกฎหมายแล้ว การนำทรายออกนอกราชอาณาจักรนั้นถือว่าผิดกฎหมาย ประกาศ กระทรวงพาณิชย์ฉบับที่ 69 พ.ศ.2537 และฉบับที่ 87 พ.ศ.2541 อีกทั้งในพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่คุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การดำเนินการใดๆ จะต้องได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และต้องทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมเนื่องจากตะกอนดินและสันทรายที่จะต้องขุดออกไปมีมากกว่า 1 ล้านคิวบิกเมตร" นายธนูกล่าว และว่า ในรายละเอียดนั้นทราบเบื้องต้นว่าบริษัทจะไม่คิดค่าแรง สำหรับการทำงานครั้งนี้แต่จะขอดิน และตะกอนกลับไปใช้ในประเทศสิงคโปร์ ซึ่ง ดูเหมือนเป็นวิธีการของนักบุญแต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ ที่สำคัญเวลานี้ประชาชนชาว จ.พังงา ยังไม่ทราบว่าจะมีการดำเนินการดังกล่าวเกิดขึ้น"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางดวงพร รอดพยาธิ รองอธิบดีปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ได้มีหนังสือด่วนเลขที่ พณ 0309/2484 ถึงอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อขออนุญาตส่งตะกอนลำน้ำออกไปนอกราชอาณาจักร ตามที่ บริษัท เค แซน แอนด์ รีซอสเซส คอร์เปอเรชั่น จำกัด แจ้งว่า ได้รับอนุมัติให้ขุดตะกอนทรายและสันดอน บริเวณปากแม่น้ำตะกั่วป่า ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจำเป็นต้องนำตะกอนจากการขุดลอกลำน้ำไปกำจัดทิ้งจำนวนมาก และตะกอนดังกล่าวไม่มีคุณสมบัติที่จะใช้ในอุตสาหกรรมใดๆ บริษัทอ้างว่าควรนำตะกอนที่ได้จากการขุดลอกนั้นส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ซึ่งจะเป็นประโยชน์ แต่เนื่องจากประกาศกระทรวงพาณิชย์ ฉบับที่ 69 และฉบับที่ 87 พ.ศ.2541 ห้ามส่งทรายออกนอก ราชอาณาจักร บริษัทจึงขอให้กระทรวงพาณิชย์ กรมการค้าต่างประเทศ และกรมทรัพยากรธรณี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาโดยขอให้พิจารณาภายในเดือนกันยายนนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้บริษัทได้ทำเรื่องที่จะขออนุญาตนำทรายออกนอกราชอาณาจักรไปยังหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นเจ้าของประกาศ 2 ฉบับดังกล่าว รวมทั้งกรมทรัพยากรธรณี ซึ่งกำหนดมาตรฐานตะกอนหรือทรายว่าจะต้องมีซิลิกาออกไซด์ ซึ่งเป็นแร่ธาตุสำคัญในตัวทรายไม่เกิน 75% ของน้ำหนัก ทั้งนี้ บริษัทได้เก็บตัวอย่างตะกอน ในพื้นที่บางส่วนไปส่งให้ห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ของกรมทรัพยากรธรณีตรวจสอบ ซึ่งผลการตรวจสอบพบว่าตะกอนดังกล่าวมีซิลิกาออกไซด์ เป็นส่วนประกอบจำนวน 73.75% อย่างไรก็ตาม มีเสียงท้วงติงจากนักวิชาการด้านทรัพยากรธรณีว่า ยังเก็บตัวอย่างไม่ครอบคลุมเพียงพอ อีกทั้งยังใกล้เคียงกับมาตรฐานการอนุญาตนำออกนอกราชอาณาจักร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุมพิจารณาเรื่องการห้ามส่งออกทรายออกนอกราชอาณาจักรของกรมการค้าต่างประเทศ ซึ่งมีนางอัญชนา วิทยาธรรมทัช รองอธิบดีกรมการค้ากระทรวงการต่างประเทศเป็นประธานในที่ประชุม และมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมพิจารณาเรื่องนี้ ซึ่งผู้แทนจากกรมศุลกากรระบุว่า การอนุญาตเรื่องนี้จะทำได้ก็ต้องเมื่อให้คณะกรรมการลงไปตรวจสอบผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม รวมทั้งแจ้งให้ท้องถิ่นทราบ ส่วน กพร.ระบุว่า การตรวจสอบซิลิกาฯในตะกอนทรายจะต้องมีรายละเอียดและตัวอย่างมากกว่านี้ และผู้แทนจาก สผ.ระบุว่า ต้องมีการพิจารณาความคุ้มค่าเพราะว่าจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแน่นอน ที่สำคัญเรื่องนี้ต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.ก่อน |