ประมงพบปลาพะยูนตายลอยน้ำ
หนังสือพิมพ์เสียงใต้วันที่ 29 ก.ย. 2552
ชาวประมงพบปลาพะยูนตายลอยน้ำ ที่บริเวณเกาะลิบง ซึ่งมีน้ำหนักเกือบ 500 กิโลกรัม และมีความยาวถึง 3 เมตร ที่จังหวัดตรัง เมื่อ 28 ก.ย.
ชาวประมงพบปลาพะยูน ตายลอยน้ำ ที่บริเวณเกาะลิบง ซึ่งมีน้ำหนักเกือบ 500 กิโลกรัม และมีความยาวถึง 3 เมตร แต่เบื้องต้นไม่พบบาดแผลจากการถูกทำร้ายใดๆ เตรียมเคลื่อนย้ายซากส่งไปยัง สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งและป่าชายเลน จังหวัดภูเก็ตโดยด่วนที่สุด
วันที่ 28 ก.ย. นายไพโรจน์ ช่วยวงศ์ เจ้าพนักงานประมงชำนาญงาน ปฏิบัติหน้า ที่หัวหน้าฝ่ายป้องกันและปราบปราม ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 จังหวัดสตูล ซึ่งรับผิดชอบดูแลพื้นที่จังหวัดกระบี่ ตรัง และสตูล ได้นำซากพะยูน เพศเมีย น้ำหนักประมาณ 450-500 กิโลกรัม และมีความความยาวประมาณ 3 เมตร เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันต่อ พ.ต.ท.ปรีชา คงกลอม สารวัตรเวรสอบสวน สภ.กันตัง จังหวัดตรัง เพื่อเป็นหลักฐานในการเคลื่อนย้ายซากพะยูนยักษ์ นำไปส่งที่ สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่ง และป่าชายเลน จังหวัดภูเก็ต (สวพ.)
นายไพโรจน์กล่าวว่าเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.ของเช้าที่ผ่านมา ตนได้รับแจ้งจาก นายนิพนธ์ ทองอยู่ ผู้อำนวยการศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 จังหวัดสตูล ว่ามีชาวประมงพื้นบ้านพบพะยูนตายลอยอยู่เหนือน้ำ ใกล้เกาะลิบง หมู่ที่ 4 ตำบลนาเกลือ อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง โดยอยู่ห่างจากฝั่งท่าเทียบเรือบ้าน พระม่วง หมู่ที่ 4 ตำบลนาเกลือ ไปประมาณ 3 ไมล์ทะเล หรือประมาณ 5 กิโลเมตรเศษ จึงขอให้เจ้าหน้าที่รีบดำเนินการอำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายซากกลับขึ้นฝั่ง เพื่อส่งไปยังสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากร ทางทะเล ชายฝั่ง และป่าชายเลน จังหวัดภูเก็ต (สวพ.) โดยด่วนที่สุด
หัวหน้าฝ่ายป้องกันและปราบปราม ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 จังหวัดสตูล กล่าวอีกว่า ผู้ที่พบซากพะยูนตัวนี้ เป็นชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่คือ นายอภิวัจน์ ศุภลักษณ์โยธิน ซึ่งพบซากพะยูนตัวดังกล่าวตายลอยอยู่เหนือน้ำ ขณะแล่นเรือกลับเข้าฝั่ง หลังจากเสร็จสิ้นจากการทำประมง
จากนั้น ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ได้รับทราบ พร้อมกับเพื่อนประมงพื้นบ้าน ได้ช่วยกันนำซากพะยูนมาขึ้นฝั่งที่ท่าเรือบ้านพระม่วง ต่อจากนั้น ตนได้รีบนำซากไปทำการแจ้งความ เพื่อเป็นหลักฐานในการบรรทุกเคลื่อนย้ายซากไปที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อให้ เจ้าหน้าที่ได้เร่งดำเนินการตรวจพิสูจน์หาสาเหตุการตายและเก็บซากไว้เพื่อการศึกษาต่อไป
อย่างไรก็ตาม โดยเบื้องต้นพบว่าซากพะยูนตัวนี้ยังมีความสด และคาดว่าเพิ่งจะตายก่อนชาวประมงพื้นบ้านไปพบเพียงไม่กี่นาที ส่วนบริเวณตามลำตัวก็ไม่พบบาดแผลที่เกิดจากการถูกทำร้าย หรือพบบาดแผลที่เกิดจากอุปกรณ์การทำประมงแต่อย่างใด โดยพบเพียงร่อยรอยของขีดข่วนอันเนื่องมาจากเคลื่อนย้ายเท่านั้น
ทั้งนี้ คาดว่าพะยูนยักษ์ตัวนี้น่าจะตายเองตามธรรมชาติ เนื่องจากมีอายุมาก และมีขนาดตัวที่ใหญ่มาก แต่คงต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ที่ชัดเจน จากเจ้าหน้าที่สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่ง และป่าชายเลน จังหวัดภูเก็ต (สวพ.) ต่อไป ทั้งนี้ พะยูนยักษ์เพศเมียที่ตายลงไปตัวล่า สุดนี้ ถือเป็นตัวแรกที่พบในช่วงประมาณ 4-5 เดือนที่ผ่านมาของปี 2552
|